อดีตส.ส.ตรังปชป.ดีใจ’บิ๊กตู่’ตอบรับช่วยชาวสวนยางเร็ว เสนอ 5 แนวทางแก้ราคาตกต่ำ

ที่จังหวัดตรัง วันที่ 14 พฤศจิกายน นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากที่ ส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อมาทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้มีการแก้ปัญหายางพาราอย่างเร่งด่วนภายใน 7 วัน ทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว ดีใจที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้การตอบรับ จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้ยื่นครั้งนี้เพียงเดียว ตลอด 4 ปีที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร อดีต ส.ส.ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ มีการยื่นหนังสือถึงรัฐบาลมาแล้วครั้งนี้รวม 4 ครั้ง มีการทำงานมาอย่างต่อเนิ่อง

นายแพทย์สุกิจ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว อาจจะมาจากสาเหตุที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างมาก จริงๆแล้วไม่ได้ยื่นเฉพาะเรื่องยาง มีเรื่องของปาล์มน้ำมันด้วย เพราะราคาปาล์มน้ำมันขณะนี้ก็ตกต่ำมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา เหลือ กก.ละ 2.50 บาท เกษตรกรชาวสวนอยู่ไม่ได้แล้ว

ทั้งนี้เรื่องที่พรรคประชาธฺปัตย์ เสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหายางพารานั้น มี 5 เรื่อง คือ 1.รัฐบาลประกาศว่าจะใช้ยางพารากับโครงการที่จะใช้กับกระทรวงต่างๆนั้นที่จะซื้อยางด้วยการตั้งเป้าว่าจะให้มีการใช้ยาง 100,000ตัน บางคนออกมาคุยว่าถึง 2 แสนตัน แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาทำได้จริงๆแค่ 1,190 ตันเท่านั้น ซึ่งห่างจากเป้าหมายมากแสดงถึงความไม่เอาจริงของรัฐบาล ได้มีการขอให้รัฐบาลชี้แจงว่ามีปัญหาอย่างไรให้บอกด้วยว่ามีปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ หรือว่าข้าราชการไม่พร้อมที่จะทำ เพราะว่าการใช้ยางพาราในประเทศที่ผ่านมาต่ำมาก แค่ประมาณ 14% เท่านั้น จึงขอให้มีการนำยางมาใช้ในประเทศให้มากก็จะเป็นผลดีกับราคายางอย่างแน่นอน

2.การส่งเสริมอุตสาหกรรม ตนขอให้รีบเร่งที่จะพัฒนานคมอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยางพารา เพราะว่าโรงงานอุตสาหกรรมยางพาราที่ผ่านมามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องกลิ่น จึงเสนอให้อยู่ในนิคมอุตสหกรรมส่งเสริมให้จริงจัง เหมือนกับประเทศมาเลเซียที่จัดตั้งอุตสาหกรรมถุงมือยางที่นำหน้าประเทศไทยไปมาก

3.เรื่องของการส่งเสริมการปลูกพืชเสริม อาทิ ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าในสวนยาง ที่ผ่านมารัฐบาลมีการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่มีทุนวิจัยปีละ 5% ของเงินเก็บภาษีส่งออก (เซด) ตนไม่ทราบว่าที่ผ่านมาเงินส่วนนี้นำไปวิจัยเรื่องอะไรแต่อยากให้วิจัยพืชว่าตัวไหนที่เหมาะ ดูแลง่าย ที่จะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้ประโยชน์ถึงเวลาแล้วที่จะต้องวิจัยออกมาให้ได้ ซึ่งรัฐบาลต้องส่งเสริม

4.อยากให้มีการเจรจากับประเทศผู้ผลิตยางในอาเซียนด้วยกัน เพื่อจะได้ไปเจรจากับบริษัทฯยักษ์ใหญ่ผู้ซื้อยาง ตนเองก็เชื่อว่าไม่มีประเทศไหนอยากจะขายยางราคาถูก ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ลาว กัมพูชา เมียนมาหรืออินโดนีเซีย ทุกประเทศต้องการขายยางได้ในราคาแพง ในเมื่อจุดประสงค์ตรงกันจึงไม่ไปเจรจากัน ซึ่งเป็นวิธีการที่รวดเร็ว ต้องเร่งหาตลาดส่งออก ที่ผ่านมามีการเจรจาหาตลาดใหม่แต่ถ้าบริษัทเอกชนไม่ร่วมมือด้วยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันการส่งออกยางอยู่ในมือของบริษัทเอกชน เพราะฉะนั้นจะต้องมีการประกันความเสี่ยงให้ความปลอดภัยกับบริษัทเอกชนด้วย

“ สุดท้ายเรื่องของเงินทุนหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับยาง อาทิ สหกรณ์หลายสหกรณ์เงินทุนเริ่มขาดเงินทุนหมุนเวียน แม้กระทั้งชาวสวนยางก็ประสบความเดือดร้อน เพราะฉะนั้นรัฐบาลที่มีธนาคารที่เป็นของรัฐควรให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกับสถาบันที่เป็นเกษตรกรรวมทั้งเกษตรกรรายย่อยด้วย” นายแพทย์สุกิจกล่าว