สรรพสามิตโต้ถังแตกเก็บภาษีความเค็ม’ขนม ซอส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ไม่รอด

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในเรื่องการเก็บภาษีความเค็ม ความมันนั้น เป็นการเก็บภาษีเพื่อสุขภาพของคนในชาติ เพื่อช่วยรัฐลดภาระงบประมาณในการรักษาสุขภาพ ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่เกี่ยวรัฐบาลถังแตกอย่างที่มีการวิจารณ์กัน โดยภาษีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาที่จะจัดเก็บจากสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ที่มีความเค็มและมีไขมันทรานส์จากการผลิต เพราะไขมันทรานส์ห้ามนำเข้าแต่ในกระบวนการผลิตเกิดไขมันทรานส์ได้ดังนั้นสามารถใช้ภาษีเพื่อให้ไขมันทรานส์หมดไป

นายพชรกล่าวว่า แนวคิดเก็บภาษีความเค็มและมัน ช่วยลดการใช้งบประมาณในการรักษาพยาบาล เช่น โรคไตเกิดจากความเค็มต้องเสียเงินปีละหลายหมื่นล้านในเรื่องรักษาพยาบาล ดังนั้นหากกรมเก็บภาษีจากวัตถุดิบใช้ในการประกอบอาหาร เช่น ซอสปรุงรส รวมถึงสินค้าที่มีความเค็ม เช่น ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนอาหารแช่แข็งอาจไม่จัดเก็บ เนื่องจากหากเก็บภาษีข้าวผัดกระเพราแช่แข็ง แต่ไม่เก็บภาษีข้าวผัดกระเพราที่แม่ค้าพ่อค้าขายเองริมถนนอาจไม่ถูกต้องตามหลักภาษี

นายพชร กล่าวว่า ทั้งนี้ในการเก็บจากสินค้าที่เค็ม และหวาน ใช้รูปแบบของภาษีความหวานมาใช้ ยืนยันว่าภาษีที่จะจัดเก็บต้องไม่กระทบผู้บริโภค โดยให้ช่วงเวลาผู้ผลิตปรับเปลี่ยนการผลิต วัตถุดิบ หากพ้นช่วงนั้นหากสินค้ายังมีความเค็ม ความมันต้องจ่ายภาษีแพงขึ้นเพื่อให้สินค้าแพงขึ้นลดการบริโภคลง ส่วนสินค้าที่ไม่เค็ม ไม่มัน เก็บภาษีเท่าเดิมหรือจะลดภาษีลง