วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยในฐานะประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 24 ว่า ที่ผ่านมาสมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียนได้มีการร่วมมือกันในหลากหลายโครงการ ทำให้เกิดความเจริญเติบโตและความก้าวหน้าในหลายๆ ด้านของภูมิภาคอาเซียนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเรื่องการขนส่งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ การอำนวยความสะดวกในการขนส่ง และความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างอาเซียน และเพื่อทำให้เกิดการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมในทุกภูมิภาคของอาเซียน ดังนั้นประเทศในภูมิภาคอาเซียนจึงต้องเร่งสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อทั้งภายในและภายนอกร่วมกัน เพื่อเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต่างๆ ส่งเสริมให้เกิดการขนย้ายวัตถุดิบ สินค้า แรงงาน ประชาชน การอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ระหว่างภูมิภาคอาเซียนด้วยกันเองรวมถึงเชื่อมโยงกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ด้วย โดยหลังจากนี้จะมีการเรียนรู้กฎกติการะหว่างกันและกันของอาเซียน เพื่อผลักดันให้การขนส่งไร้รอยต่อของอาเซียนเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน 2025 (MPAC 2025) ประกอบด้วย แผนงานทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ซึ่งทางอากาศจะผลักดันให้มุ่งสร้างความปลอดภัยร่วมกัน บริหารการจราจรทางอากาศ ใช้ห้วงอากาศในอาเซียนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทางน้ำ ต้องร่วมมือกันพัฒนาการขนส่งทางน้ำให้มีความปลอดภัย โดยเฉพาะการร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศและทางทะเล หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น และทางบกจะมีการเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อขนส่งทั้งคน สินค้าและการลงทุน ปรับโครงข่ายทางหลวงอาเซียน เพื่อใช้ถนนร่วมกัน รวมถึงการขยายเส้นทางถนนเพิ่มเติมจากเดิม โดยเฉพาะระบบรางที่ยังขาดหายอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางไปมาร่วมกันของประชาชน โดยต้องมีการบูรนาการโครงข่ายการขนส่งทางถนนในภูมิภาคอาเซียนให้มีความปลอดภัย โดยปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงอาเซียนให้ได้มาตรฐานทางหลวงอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ถนนและนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการทำให้เกิดความเข้าถึงอย่างเท่าเทียมทั่วทุกพื้นที่ในทุกภูมิภาค

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในด้านการขนส่ง จะมีการจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลระบบการขนส่งโลจิสติกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกทั่วทุกด้าน ซึ่งปัจจุบันมี 4 ด้านคือ 1.ข้อตกลงอำนวยความสะดวกขนส่งผ่านแดน 2.ข้อตกลงอำนวยความสะดวกขนส่งข้ามแดน 3.ข้อตกลงอำนวยความสะดวกขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ 4.ข้อตกลงขนส่งสะดวกผู้โดยสาร สินค้า ผ่านแดนและข้ามแดน โดยจะมีการศึกษากฎกติการะหว่างกัน เพื่อเร่งผลักดันให้แผนงานทุกอย่างเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหากระบบขนส่งสามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งอาเซียน จะทำให้เกิดการค้าร่วมกันในอาเซียนและรวมถึงประเทศที่เป็นพันธมิตรคู่ค้าของไทยอื่นๆ อาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยค้าขายกับหลากหลายประเทศมากขึ้น

“อยากให้ใช้เวทีนี้ในการหารือ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน และหลังจากนี้จะมีการเร่งรัดให้ดำเนินการตามกรอบความตกลงด้านการขนส่งที่รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้ลงนามร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดปัญหาอุปสรรคในการขนส่งสินค้า ผู้โดยสารผ่านแดนและข้ามแดน รวมทั้งการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้การขนส่งในอาเซียนเกิดขึ้นได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ประเทศไทยมีที่ยืนอยู่ในสังคมโลกต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว