‘จรุงวิทย์’ มอบสนง.ตรวจสอบ แกนนำพท.บินพบ ‘ทักษิณ’ ยัน ขณะนี้ยังไม่มีมูลถึงขั้นครอบงำ

‘จรุงวิทย์’ มอบ สนง.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ปมแกนนำ พท.บินพบ ‘ทักษิณ‘ ชี้ การตั้งพรรคสำรองเป็นเสรีภาพตาม กม. ยังไม่มีตั้ง คกก.สอบยุบพรรค

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยบินไปหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ฮ่องกง ถึงการจัดทัพเลือกตั้งและการตั้งพรรคสำรองหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค ว่า ขณะนี้ได้ให้ทางสำนักงานติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เพราะที่ปรากฏยังเป็นเพียงข่าว สำนักงานก็รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงทุกเรื่องที่มีการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ทั้งที่กล่าวหาว่ากลุ่มสามมิตรดูดอดีต ส.ส. การเก็บบัตรประชาชน คลิปวิดีโอนายทักษิณชี้นำพรรคเพื่อไทย ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมถึงขั้นดำเนินการได้ ก็จะมีการดำเนินการ ขณะนี้ทุกเรื่องยังเป็นเพียงข่าว ยังไม่มีมูลไปถึงขั้นว่าเข้าข่ายเป็นการครอบงำ ทาง กกต.ก็ได้รับทราบข้อมูลต่างๆ และให้นโยบายกับสำนักงานว่าถ้าพบว่ามีมูลก็ต้องมีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ตอนนี้ข้อมูลที่มียังไม่ถึงขั้นครอบงำ จึงยังไม่มีเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวอีกว่า ส่วนที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีการตั้งพรรคสำรองไว้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กำหนดเพียงว่าการตั้งพรรคเป็นเสรีภาพ คนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองรวมกัน 500 คน มีทุนประเดิม 1 ล้านบาท มีข้อบังคับพรรคและอุดมการณ์ที่ไม่ขัดกฎหมาย หากมายื่นขอจัดตั้ง กกต.ก็ต้องดำเนินการให้ ตั้งแล้วจะสนับสนุนใครก็เป็นเรื่องแนวนโยบายของพรรค เหมือนที่บางพรรคประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกครั้ง ก็มีหลายพรรค และอยู่ที่ความนิยมชมชอบของประชาชน ส่วนพรรคจะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นสมาชิกหรือกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ก็ต้องดูการดำเนินการของพรรคในอนาคต หากเกิดขึ้นก็ต้องมาว่ากันตามกฎหมาย

“การทำกิจกรรมของพรรคการเมืองในขณะนี้ว่า ต้องอยู่ภายในกรอบที่คำสั่งหัวหน้า คสช. 13/2561 อนุญาต ซึ่งสำนักงาน กกต. พร้อมที่อำนวยความสะดวกให้ แต่ถ้านอกเหนือจากที่คำสั่งดังกล่าวอนุญาตต้องเข้าใจว่าคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน มีผลบังคับใช้อยู่ หากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องเข้าไปดูแล และมีโทษทางอาญาด้วย”