สรุปข่าวในประเทศ : ร้องหาคนรับผิดคดีGT200 / “บิ๊กตู่” แจงกติกาเลือกตั้ง / ไฟเขียวอีก 288 ล้านซื้อสะพานจากจีน

ยกกรมราชองครักษ์ชนะคดีจีที 200 เป็นตัวอย่าง-ร้องนายกฯ หาคนรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า กรมราชองครักษ์ได้ฟ้องความแพ่งและชนะคดีการซื้อขายเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด (จีที200) จำนวน 8 ชุดแล้ว โดยศาลพิพากษาให้ผู้ขาย (จำเลยที่ 1) ชดใช้เงิน 9,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีนี้จึงเป็นเคสตัวอย่างที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อต้นปี 2553 ว่าทั้งสามเหล่าทัพมีการซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 รวมทั้งสิ้น 862 ชุด ดังนั้น จึงมีจีที 200 ที่ต้องติดตามหาผู้รับผิดชอบอีกจำนวนมาก โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ว่าให้ใช้จีที 200 ต่อไปได้ แต่ไม่ให้ซื้อเพิ่ม และให้ไปหาความรับผิดทางกฎหมายด้วย แต่เรื่องก็เงียบหายไป เมื่อมีตัวอย่างคดีที่หน่วยงานของรัฐชนะความแพ่งออกมาแล้วจึงเป็นเรื่องที่ต้องแจ้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร พิจารณาดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ด้วยเหตุที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเงินแผ่นดิน ซึ่งต้องมีผู้รับผิดชอบ ตนจึงจะทำหนังสือไปร้องด้วยตนเองเพื่อให้นายกฯ ประยุทธ์รีบดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ที่ศูนย์รับเรื่อง ทำเนียบรัฐบาล

“บิ๊กตู่” แจงกติกาเลือกตั้ง พรรคคะแนนมากสุดได้จัดรัฐบาล

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 กันยายน ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และเยี่ยมชมการดำเนินงานของคลินิกหมอครอบครัว ซึ่งเป็นคลินิกหมอครอบครัวแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดบริการอย่างเป็นทางการ

ในงานดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า นี่เป็นช่วงการเดินหน้าเข้าสู่ประชาธิปไตย จึงขอให้มีหลักการและหลักคิดที่ถูกต้องว่าประเทศของเราควรเดินหน้าไปอย่างไร ประเทศไทยมีโอกาสมากมาย ขอให้ทุกคนยึดมั่นในหลักของประเทศไทย ที่มี 3 สถาบันหลักคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าไม่มี 3 สถาบันนี้ ประเทศไทยอยู่ไม่ได้ เราต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ดังนั้น ประชาชนจึงต้องเตรียมการให้ดี ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นอย่างไร บัตรเลือกตั้งเป็นอย่างไร ไม่ใช่นอนอยู่บ้านไม่ไปกาบัตรใช้สิทธิ์ หรือทำลายบัตรเลือกตั้ง วันนี้เรามีกฎหมายใหม่ ที่พรรคการเมืองจะต้องเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ และนโยบายพรรค ถ้าเรายังไม่รู้ว่าจะเลือกเบอร์ไหน แต่กลับไปถามบ้านข้างๆ แล้วเลือกตาม จะถือว่าจบ

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวด้วยว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทุกคนต้องรู้ก่อนว่า นายกฯ จะมาอย่างไร ซึ่งจะมาจากพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด พรรคที่ได้คะแนนมากสุดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและตั้งนายกฯ เป็นหลักการที่ทุกคนต้องรู้ ตนไม่ได้พูดถึงตัวเอง แต่ทุกพรรคจะต้องเสนอคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกฯ ก่อน

ครม.ไฟเขียวอีก 288 ล้าน ทหารพัฒนา ซื้อสะพานจากจีนแบบจีทูจี

เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในข้อตกลงการซื้อขายสะพานเครื่องหนุนมั่น (Modular Fast Bridge) จำนวน 2 ชุด เป็นเงินทั้งสิ้น 8,760,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 288,466,800 บาท ตามผลการดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล จากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยบริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co. Ltd. (CSOC) ในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดทำร่างข้อตกลงการซื้อขายสะพานเครื่องหนุนมั่น จำนวน 2 ชุด ตามผลการดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

รบ.จัดให้-เตรียมคืนภาษีให้ ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ มหาวิทยาลับราชภัฏเพชรบูรณ์ ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7 ให้กับผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางว่าจ้างธนาคารกรุงไทย นำเครื่องพีโอเอส (POS หรือ point of sale) ต่อพ่วงกับเครื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐจะเสียบเครื่องพีโอเอส เพื่อแยกราคาสินค้ากับภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้รู้ว่าจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มไปเท่าไหร่ และได้คืนตามสูตร 1-5-1 คือ ร้อยละ 1 เสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระราคาสินค้าและบริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ร้อยละ 5 คืนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในรูปแบบอีมันนี่ที่สามารถกดเงินสดได้ โดยจะคืนในเดือนถัดไป หลังจากซื้อสินค้า และอีก 1 เปอร์เซ็นต์ เข้าบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติของตนเอง ซึ่งหากไม่มีบัญชีกองทุนดังกล่าวจะให้ธนาคารช่วยเปิดบัญชีออมเงินให้ โดยจะนำร่องเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561- 30 เมษายน 2562

ทั้งนี้ แต่ละเดือนจะคืนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อยใบละไม่เกิน 500 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ทั้งสิ้นจำนวน 5,000 ล้านบาท