ยูนิเซฟร้องร่วมปกป้อง พบวัยรุ่นครึ่งโลกเผชิญความรุนแรงในรั้วโรงเรียน

13 กันยายน 2561 รายงานใหม่ขององค์การยูนิเซฟ ชี้ว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของนักเรียนอายุระหว่าง 13-15 ปีทั่วโลก หรือประมาณ 150 ล้านคน  เคยถูกกระทำรุนแรงโดยเพื่อนภายในบริเวณโรงเรียนหรือบริเวณรอบ ๆ โดยรายงาน An Everyday Lesson – #ENDviolence in Schools เปิดเผยว่า ความรุนแรงระหว่างเด็กด้วยกันเอง ซึ่งวัดจากจำนวนเด็กที่รายงานว่าถูกข่มเหงรังแกในช่วงเดือนที่ผ่านมา หรือมีส่วนในการทะเลาะวิวาทในปีที่ผ่านมา ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การศึกษาของเด็กเยาวชนทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และความเป็นอยู่ของนักเรียนทั้งในประเทศที่ร่ำรวยและประเทศที่ยากจน

การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่สงบสุข แต่ถึงกระนั้น สำหรับเด็กหลายล้านคนทั่วโลกแล้ว โรงเรียนกลับเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยนางเฮนเรียตตา โฟร์ ผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟกล่าว ทุกวัน นักเรียนต้องเผชิญหน้ากับอันตรายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง การต่อสู้ การถูกกดดันให้เข้าร่วมแก๊ง การข่มเหงรังแกทั้งต่อหน้าและบนโลกออนไลน์ การลงโทษด้วยความรุนแรง การถูกล่วงละเมิดทางเพศ และความรุนแรงที่ใช้อาวุธ ในระยะสั้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก และในระยะยาว มันสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือแม้แต่การฆ่าตัวตาย ความรุนแรงเป็นบทเรียนที่ลืมได้ยาก ซึ่งไม่มีเด็กคนไหนควรต้องเผชิญ” รายงาน ระบุ

ไม่เพียงเท่านี้ รายงานยังได้เปิดเผยถึงความรุนแรงต่าง ๆ ที่เด็กเผชิญอยู่ทั้งในและนอกห้องเรียน จากข้อมูลล่าสุขของยูนิเซฟ พบว่า:

  • 1 ใน 3 ของนักเรียนอายุ 13-15 ปีทั่วโลก เคยถูกข่มเหงรังแก และอีกประมาณ 1 ใน 3 เคยมีส่วนในการทะเลาะวิวาท
  • นักเรียน 3 ใน 10 คนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ยอมรับว่าเคยกลั่นแกล้งรังแกนักเรียนคนอื่น
  • ในปี 2560 มีการโจมตีโรงเรียนที่ได้รับการบันทึกหรือยืนยันในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 396 ครั้ง เซ้าธ์ซูดาน 26 ครั้ง ซีเรีย 67 ครั้ง และเยเมน 20 ครั้ง
  • เด็กวัยเรียนเกือบ 720 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ห้ามการลงโทษด้วยความรุนแรง
  • แม้ว่าเด็กทั้งหญิงและชายจะมีความเสี่ยงต่อการถูกข่มเหงรังแกเหมือน ๆ กัน แต่เด็กหญิงมีโอกาสตกเป็นเหยื่อของการข่มเหงรังแกทางจิตใจมากกว่า และเด็กชายเสี่ยงต่อความรุนแรงทางร่างกายและการข่มขู่มากกว่า

ขณะที่ การสำรวจสุขภาพเด็กนักเรียนในประเทศไทย ที่ดำเนินการโดยกรมอนามัย ในปีพ.ศ. 2558 ชี้ให้เห็นว่า เด็กนักเรียนอายุระหว่าง 13-15 ปี ร้อยละ 29 บอกว่าถูกข่มเหงรังแกในช่วงเดือนที่ผ่านมา และร้อยละ 26 ได้มีส่วนในการทะเลาะต่อสู้กันในปีที่ผ่านมา

พวกเด็ก ๆ ใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนประมาณหนึ่งในสามของวัน ห้าวันต่อสัปดาห์ เมื่อเด็กเดินผ่านประตูรั้วโรงเรียนในแต่ละวัน ก็เป็นความรับผิดชอบของเราในการที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัยนายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าว แต่น่าเศร้าใจที่เรายังคงเห็นข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียนอยู่เรื่อย ๆ บางครั้งด้วยการกระทำของครูซึ่งเป็นผู้ที่เราหวังว่าจะช่วยปกป้องพวกเด็ก ๆ ด้วยซ้ำ” รายงาน ระบุอีก

ทั้งนี้ องค์การยูนิเซฟ กำลังทำงานร่วมกับสำนักงานเลขาธิการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาศักยภาพของโรงเรียนและบุคลากรด้านการศึกษา ในการตอบสนองต่อการข่มเหงรังแก และความรุนแรงในโรงเรียน

“เราต้องทำให้แน่ใจว่า ทุกโรงเรียนมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองเด็ก ซึ่งหมายถึงการเพิ่มมาตรการที่จะช่วยป้องกันความรุนแรง และดำเนินการตอบสนองอย่างเร่งด่วนหากมีเหตุเกิดขึ้น” นายดาวินกล่าวเพิ่มเติม “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงผู้บริหารโรงเรียน ครู ผู้ปกครอง และตัวนักเรียนเอง ช่วยกันท้าทายวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนและในชุมชน ทุกคนต้องลุกขึ้นมาปกป้องความเป็นอยู่ที่ดีของลูกหลานของพวกเรา” ยูนิเซฟ ระบุ