‘มัลลิกา’จี้พาณิชย์ชงครม.ให้คลังจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวสาลี-บาเล่ย์ หลังเว้น 5 ปี

‘มัลลิกา’จี้พาณิชย์ชงครม.ให้คลังจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวสาลี-บาเล่ย์ หลังเว้น 5 ปีพร้อมท้วงนายกฯหยุดชี้นิ้วสั่งเกษตรกรให้ปรับตัวโดยไม่รู้ขัอเท็จจริง

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธินมัลลิกาเพื่อประชาชน www.mallikafoundation.com กล่าวว่า วันนี้เห็นความกระตือรือร้นของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ต่อกรณีที่ประเทศจีนเพิ่มการจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจจากต่างประเทศโดยหนึ่งในนั้นคือข้าวส่งออกจากไทย เท่ากับว่ามีการจัดเก็บเป็น 50% โดยศุลกากรจีน ต่อกรณีนี้เป็นตัวอย่าง โดยตามที่ได้เรียกร้องมาตลอดนั่นคือเปรียบเทียบกับประเทศไทยระยะ 5 ปีที่ผ่านมารวมถึงปัจจุบัน บริหารโดย 2 รัฐบาลคือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ละเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าพืชเศรษฐกิจจากประเทศอื่น โดยเฉพาะข้าวสาลีและล่าสุดมีการนำเข้าข้าวบาเล่ย์มาเพื่มอีก ทั้งหมดเป็นพืชทดแทนข้าวโพดในประเทศที่จะนำไปผลิตอาหารสัตว์

นางมัลลิกา ยืนยันว่า รัฐบาลก่อนหน้านางสาวยิ่งลักษณ์ได้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวสาลีจากโครเอเชียหรือประเทศอื่นๆ 27% มาตลอดแต่มายกเลิกเมื่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ปี 2556 เป็นการเอื้อประโยชน์เครือเจ้าสัวจนถึงปัจจุบันนี้ โดยกลุ่มนายทุนอ้างว่าการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์ในประเทศมีจำนวนไม่เพียงพอและล่าสุดปี 2561 ย่ามใจถึงขนาดนำเข้าข้าวบาเล่ย์โดยไม่มีการรายงานคณะรัฐมนตรีด้วย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับรู้หรือไม่

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า เพื่อความเท่าเทียมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อเกษตรกรด้วยความจริงใจจึงขอเรียกร้องรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ว่า 1.ต้องจัดเก็บภาษีนำเข้าพืชเศรษฐกิจจากต่างประเทศตามเงื่อนไขของWTOทั้งนี้เพื่อรายได้แผ่นดินและความเป็นธรรมต่อเกษตรกรในประเทศ 2.จัดเก็บภาษีนำเข้าเพื่อแสดงภาวะความเป็นผู้นำที่มีธรรมาภิบาลเนื่องจากประเทศอื่น ตัวอย่างเช่น ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าพืชเศรษฐกิจจากประเทศอื่นโดยข้าวสาลีจัดเก็บตั้ง 35% ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมไปสู่การเป็นประธานจัดประชุมอาเซียน 3.ส่งเสริมและเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวโพดหลังนาอย่างเต็มกำลังเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณการผลิตอาหารสัตว์และเพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร และ หมดข้ออ้างของกลุ่มอาหารสัตว์

นางมัลลิกา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรหยุดชี้นิ้วสั่งไปที่เกษตรกรให้ปรับตัวโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเท่าทันกลุ่มนักธุรกิจเครือเจ้าสัวที่รังแต่จะเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร

“ตรรกะง่ายๆคือถ้าต้องการให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มต้องเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกหรือเดินหน้าส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังนาเมื่อปริมาณครบเป็นไปตามต้องการก็ยกเลิกการนำเข้าพืชทดแทนที่จะผลิตอาหารสัตว์ด้วยซ้ำ ยืนยันว่าการจะทำมาหากินในประเทศนี้ก็ต้องดูแลให้ความเป็นธรรมกับคนภายในประเทศไม่ใช่รังแต่จะนำเข้าพืชประเภทเดียวกันจากประเทศอื่นที่ถูกกว่าอย่างเดียว” นางมัลลิกากล่าว