“สมคิด” ชี้สหกรณ์เกษตร เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนศก.ฐานราก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเรื่อง”การปรับโครงสร้างภาคเกษตรด้วยกลไกสหกรณ์ “จัดโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่หอประชุมกองทัพอากาศ ว่า หลายโครงการในการดำเนินนโยบายของรัฐ จำเป็นต้องใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาดำเดินการ ทั้งเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การปฎิรูปภาคการเกษตร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ซึ่งในส่วนของสหกรณ์ภาคการเกษตร ได้เข้ามามีส่วนในการดำเนินโครงการต่างๆที่สำคัญของกระเกษตรและสหกรณ์ อาทิ รัฐบาลได้จัดสรรเงินอุดหนุนจากงบกลางปี 2561 ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจรวบรวม และแปรรูปผลผลิตการเกษตรของสหกรณ์ โดยสร้างฉาง โกดัง เพื่อเก็บชะลอสินค้าการเกษตรหลัก ก่อนทยอยระบายสู่ตลาด อาทิ ข้าว ข้าวโพด และยางพารา ไม่น้อยกว่า 900,000 ตัน

นายสมคิด กล่าวว่า 2. มาตราการช่วยเหลือเกษตรกร และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2561/62 ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว และปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อย ผู้ปลูกข้าวนาปี วงเงินหมุนเวียน 22,560 ล้านบาท โดยเก็บผลผลิตไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรและให้ ธกส. ปล่อยสินเชื่อ เพื่อชะลอการจำหน่ายผลผลิตข้าวเปลือกในพื้นที่ปลูกข้าวทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประมาณ 2 ล้านตันข้าวเปลือก สร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินหมุนเวียน 12,500 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรสามารถขายข้าวเปลือกได้ราคาที่สูงขึ้น

3.การส่งเสริมปลูกพืชหลังนาเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เบื้องต้นจะทดลองให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ในจ.อุตรดิตถ์ ปลูกข้าวโพดในพื้นที่ 3 พันไร่ คาดว่าจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน 4.การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการขยายช่องทางตลาดสินค้าการเกษตร ภายใต้โครงการข้าวประชารัฐ โดยการรับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง เป็นต้น

“อยากให้เริ่มต้นจากทุกภาคส่วน มาช่วยกันทำให้สหกรณ์ของเรา เป็นฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ซึ่งสหกรณ์ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการพัฒนาเกษตรอย่างแท้จริง ที่ในไทยมีถึง4,000 แห่ง ระหว่างนี้ทางสหกรณ์ มีอะไรให้รัฐบาลช่วย รัฐบาลยินดีช่วยเต็มที่่ แต่ถ้าพบสหกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพ อาจต้องทำการยุบทิ้ง ”

นายสมคิด กล่าวว่า ตอนนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จีดีพีในครึ่งปีแรก 2561 เติบโต 4.5% ความมั่นใจทางเศรษฐกิจในวันนี้กำลังกลับมา ทำให้ทั่วโลกต้อนรับเรามากขึ้น คาดว่าในอนาคตประเทศไทยจะเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค ประเทศไทยถือว่าเป็นทั้งตลาดแรงงาน แหล่งวัตถุดิบตลอดซัพพลายเชนเกือบทุกอย่างของเอเชีย เมื่อโอกาสกำลังจะมาในอีก 10 ปี ข้างหน้านี้ ทุกภาคส่วนต้องต้องเตรียมพร้อม ตั้งรับให้ดี และอย่าให้อะไรมาบั่นทอนความเชื่อมั่นของเรา ซึ่งไทยไทยน่าจะทำการเกษตรเชิงนวัตกรรม และใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาภาคการเกษตรแบบประเทศอิสราเอล เพราะประชากร 20 ล้านคน อยู่ในภาคการเกษตร แต่จีดีพีภาคการเกษตรต่ำกว่า 20%

นายสมคิด กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องช่วยกันชี้เป้าว่าแต่ละพื้นที่ปลูกอะไรได้บ้างและปลูกในปริมาณเท่าไหร่ และให้สหกรณ์เข้ามาบริหารจัดการผลผลิต และหาตลาดจัดจำหน่าย 1 กันยายนนี้เริ่มได้เลย คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่กล้าเปลี่ยนแปลง สหกรณ์วันนี้ต้องพัฒนาสมาชิกให้เป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ค้นหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยพัฒนา หาองค์ความรู้มาช่วยสนับสนุนเกษตรกรที่เป็นสมาชิก ต้องกล้าแสวงหาโอกาสใหม่ๆ และได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ เข้ามาช่วยสนับสนุนสหกรณ์สร้างเว็บไซด์ขายสินค้า ระบบโลติสติกต์ต้องมีการพัฒนา โดยบริษัททีโอที และ CAT มีหน้าที่เข้ามาช่วยเรื่องดิจิทัล