ที่โรงแรมเลอเมอริเดียนเชียงราย รีสอร์ท พันโทจอห์นนี่ บาเซียล เจ้าหน้าที่ประสานงานปฏิบัติการพิเศษทีมค้นหาและช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ได้พูดคุยถึงปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมีนับตั้งแต่วันแรกจนสามารถนำหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัย

พ.ท.จอห์นนี่ ได้กล่าวถึงการทำงานในส่วนของชาติสหรัฐว่า สหรัฐอเมริกาไม่เพียงจะนำกำลังทหารเข้าให้การช่วยเหลือเท่านั้น ยังมีอาสาสมัครจากพลเรือนไม่ว่าจะเป็นนักประดาน้ำ รวมถึงบริษัทเชฟรอนที่ได้ช่วยเหลือในการสูบน้ำออกจากถ้ำหลวง โดยหากนับตั้งแต่โถง 3 เป็นต้นไปที่เป็นจุดวิกฤตนั้นเกินขีดความสามารถของนักประดาน้ำทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอังกฤษที่สามารถลอดผ่านเข้าไปในนั้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯได้ช่วยเหลือในการเคลียร์พื้นที่อุปสรรค เพื่อลำเลียงอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงถังอากาศไปจนถึงกลุ่มเด็กได้

“ด้วยบทเรียนระหว่างทหารไทยและสหรัฐที่มีร่วมกัน ได้มีการร่วมฝึกซ้อมหลายอย่างทุกปี ไม่เพียงแต่จะสามารถทำให้ทำงานกันได้อย่างสอดคล้องกันดีมากเท่านั้น แต่ยังนำไปปฏิบัติจริงได้ เพราะเรารู้จักนิสัยกันดี” พ.ท.จอห์นนี่ กล่าว

พ.ท.จอห์นนี่ระบุว่า ธรรมชาติคืออุปสรรคสำคัญในการทำงาน เพราะนักประดาน้ำต่างไม่เคยเห็นถ้ำที่ลึกและยาวแบบนี้ และยังมีปัญหาเรื่องเด็กที่มีจำนวนมาก ประกอบกับบางคนว่ายน้ำไม่เป็น ที่น่าเป็นห่วงในขณะนั้นคือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และระดับออกซิเจนที่ลดลง นี่จึงเป็นภารกิจที่มีเรื่องของเวลา ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ไม่เคยพบมาก่อนในประเทศของตัวเอง

พ.ท.จอห์นนี่ยังกล่าวอีกว่ารู้สึกดีใจที่การร่วมมือในครั้งนี้ยังทำให้พบกับเพื่อนสนิทในหน่วยซีลของไทย ซึ่งทราบดีว่าเพื่อนของตนมีความสามารถที่จะสื่อสารและแก้ปัญหากับทีมจากหลายเชื้อชาติที่ไม่เคยได้ทำงานร่วมกันมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศจีน เบลเยียม อังกฤษ และออสเตรเลีย หรือชาติอื่นยังได้มีส่วนร่วมกันวางแผนที่จะสามารถทำให้หลายคนจากเชื้อชาติทำงานร่วมกันได้

“นักประดาน้ำได้อธิบายถึงสภาพภายในถ้ำที่คับแคบและทัศนวิสัยแย่มาก ซึ่งนับว่ายากที่สุดเท่าที่เคยเจอ หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเหลือทีมหมูป่าได้สำเร็จ แต่ทุกฝ่ายต่างรู้ว่าจะทำอะไรเท่าที่จะสามารถช่วยได้บ้าง และกำลังใจที่สำคัญที่สุดของเราคือจะได้เห็นวิดีโอของทีมหมูป่าทุกๆวัน เรายังเห็นว่าเขามีความหวังทำให้ทุกคนคิดว่า เขาไม่เลิก เราก็ไม่เลิกเหมือนกัน” พ.ท.จอห์นนี่กล่าว

เมื่อถามถึงมาตรการรับมือกับอุบัติภัยในลักษณะเดียวกันของสหรัฐฯนั้น พ.ท.จอห์นนี่ตอบว่า มีการทำงานที่คล้ายกับของไทย หากรุนแรงมากกองทัพจะให้การช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเอกชนและพลเรือน ไม่ว่าจะเป็นการขุดเจาะ ขุดลอกระบายน้ำ บริษัทสำรวจพื้นที่ ระบบพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมถึงอาจขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ

สำหรับการประสานงานการช่วยเหลือที่มีผู้คนจำนวนมาก พ.ท.จอห์นนี่เผยว่า การประสานงานนี้มีความยากมาก ซึ่งไทยได้ใช้ระบบคัดกรองโดยประเมินประสิทธิภาพของผู้ที่อาสาจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ว่าเป็นใครมาจากไหน และสามารถให้ความช่วยเหลือได้จริงหรือไม่ หากไม่จำเป็นก็จะไม่รับเข้ามา นอกจากนี้ในทุกเช้าและหลังเสร็จจากภารกิจของแต่ละวันจะมีการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อหาข้อผิดพลาดและหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนโดยมีหน่วยซีลรับหน้าที่เป็นหัวโต๊ะ

ส่วนเรื่องอาหารการกินของเจ้าหน้าที่ พ.ท.จอห์นนี่ตอบด้วยความยินดีว่า ทหารอเมริกันทุกคนชอบมาก โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวหมูสับ ซึ่งทุกอย่างทำขึ้นสดใหม่ และเข้าใจว่าอาสาสมัครนั้นต่างทำงานด้วยใจ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าทหารสหรัฐทุกนายมีสุขภาพดีและไม่มีใครท้องเสียแต่อย่างใด เพียงแต่จะมีปัญหาเรื่องยุงป่า

“บางคนกินเผ็ดเกินไปไม่ได้ มีคนหนึ่งกินก๋วยเตี๋ยวแห้งแล้วคิดว่าเป็นพริกหวาน พอกินเข้าไปแล้วเผ็ดมากๆเลย” พ.ท.จอห์นนี่กล่าว