เผยแพร่ |
---|
ต้องยอมรับว่า พรรคการเมืองที่อยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์ขณะนี้คือ พรรคพลังประชารัฐ
ไม่เพียงเพราะนโยบาย”พลังประชารัฐ ไทยยั่งยืน”
อันผลักดันโดยสำนักนายกรัฐมนตรีประสานเข้ากับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม
หากแต่ยังเพราะ “พลังดูด”
กระนั้น พรรคพลังประชารัฐก็เหมือนกับ “พรรคคสช.”อื่นๆจะต้องประสบกับปัญหาดังที่บางคนจากพรรคประชาธิปัตย์เคยตั้งข้อสังเกต นั่นก็คือ จะ”หาเสียง”อย่างไร
ขณะเดียวกัน ก็จะต้องประสบปัญหาแก่งแย่งกันเองระหว่าง
“พรรคคสช.ด้วยกัน”
กรณีของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่เข้าร่วมเสวนา “อนาคต”ของประชาธิปไตยไทย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ถือได้ว่าเป็น “ตัวอย่าง” อันน่าหวาดเสียว
พลันที่ระบุว่า ต้องทนอยู่กับ”รัฐธรรมนูญ”ไปอีก 5 ปีแล้วก็จะชินเอง
ก็มีเสียงโห่ตามมาจากผู้ฟังดังอึกทึก
บางคนอาจสรุปว่าเป็นเพราะพูดในมหาวิทยาลัยซึ่งไม่ชอบรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่ที่ต้องยอมรับก็คือ เนื้อหาการพูดของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นเนื้อหาเดียวกับของ”คสช.”
ไม่ว่าน้ำเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าน้ำเสียงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ล้วนเป็นน้ำเสียงเดียวกันกับของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
หากว่านี่คือ “น้ำเสียง”ที่บรรดา “พรรคคสช.”รวมถึงพรรคพลัง ประชารัฐจะนำไปหาเสียงเพื่อสร้างคะแนนนิยมกับประชาชน
บรรยากาศทางการเมืองคงจะคึกคักอย่างยิ่ง
ยิ่งกว่านั้นในเมื่อพรรคที่ประกาศสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีมากมายหลายพรรค
มิได้มีแต่เพียงพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว
หากแต่มีพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคทางเลือกใหม่ รวมอยู่ด้วยกัน
การบริหารจัดการเพื่อสร้าง”เอกภาพ”จึงเหน็ดเหนื่อยอย่างเป็นพิเศษสำหรับขบวนการที่ดำรงอยู่ของ “พรรคคสช.”