ย่อข่าวเศรษฐกิจ : ทีดีอาร์ไอห่วง 3 ล้านคนตกงาน / กำลังซื้อซบกดค้าปลีกฮวบ / ผู้ส่งออกเฮสงครามค้าคลี่คลาย

ลุยประมูลพื้นที่สถานีบางซื่อ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ ว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) เห็นชอบโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในพื้นที่โซนเอ เนื้อที่ 35 ไร่แล้ว ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการตามมาตรา 35 จะร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) และคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงปลายปี 2561 ถึงต้นปี 2562 ซึ่งการดำเนินการทุกขั้นตอนยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ พร้อมเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อในปี 2563 โดยทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) เข้ามาช่วยดูผลการศึกษาโครงการให้อีกรอบ ส่วนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาพื้นที่เชิงพาณิชย์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ศึกษาตัวรถไฟและระบบราง และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาศึกษาเรื่องสมาร์ตซิตี้ ทั้งนี้ ทางญี่ปุ่นมีความเห็นว่าให้คงตลาดนัดจตุจักรและสวนสาธารณะไว้ เนื่องจากเป็นเอกลักษณ์ของไทย

ทีดีอาร์ไอห่วง 3 ล้านคนตกงาน

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้เทคโนโลยีดิจิตอลกำลังปั่นป่วนโลก การปรับทิศทางเศรษฐกิจให้พร้อมสู่ยุคแห่งความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และออโตเมชั่นกำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด จนมีความสามารถทัดเทียมหรือเกินกว่ามนุษย์ไปแล้วในหลายด้าน

หากประเทศไทยไม่สามารถปรับตัวได้ทัน และถูกปั่นป่วนจากเทคโนโลยีดังกล่าวในต่างประเทศ มูลค่าเพิ่มจากการผลิตในหลายสาขาธุรกิจจะย้ายออกไปต่างประเทศ ดังที่เกิดขึ้นมาแล้วอย่างชัดเจนในอุตสาหกรรมสื่อ เศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถขยายตัวได้ 5% ต่อปี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยน่าจะโตได้เพียง 2.1% ต่อปี และจะมีงานประมาณ 3 ล้านตำแหน่งหายไป

กำลังซื้อซบกดค้าปลีกฮวบ

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีก-ส่งไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่ากำลังซื้อผู้บริโภคสำหรับสินค้าทั่วไป ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก บางพื้นที่ยังซบเซาฝืด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ร้านค้ายังจำหน่ายได้ในอัตราเท่าเดิม สะท้อนว่ารายได้และเศรษฐกิจยังกระจุกตัว ซึ่งไม่เฉพาะแต่ร้านค้าเท่านั้น ค้าปลีกขนาดใหญ่ต่างก็แข่งขันเรื่องราคา และผู้ผลิตยังไม่มีการขยับราคาสินค้าได้มากนัก สวนทางกับต้นทุนค่าเช่าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น แสดงว่ากำลังซื้อยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ดังนั้น คาดว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยในปี 2561 น่าจะโตได้น้อยไม่ถึงค่าเฉลี่ยปีละ 10% แน่นอน และสมาคมเตรียมลงนามความร่วมมือในการรับซื้อข้าวสารบรรจุถุงราคาถูกเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนทั่วประเทศกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายรับซื้อข้าวสารบรรจุถุงของ อคส. ภายใต้โลโก้ PWL ให้ได้ 1 แสนถุงต่อเดือน

อีอีซี-อีคอมเมิร์ซช่วยพลิก ศก.ไทย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ต้องปรับวิสัยทัศน์ของกระทรวงใหม่ โดยทิศทางการค้าและอนาคตของประเทศไทยคืออีคอมเมิร์ซ ไม่ใช้การค้าแบบเดิม หากมองจากการที่อาลีบาบาเข้ามาร่วมลงทุนกับประเทศไทย ส่งผลทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจมากขึ้น สิ่งเหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (อีอีซี) ถือเป็นโครงการดีที่สุดของภูมิภาคเอเชีย เป็นครั้งแรกของภูมิภาคนี้สามารถเกิดเมกะโปรเจ็กต์ อีอีซีทำให้ต่างชาติหันมาสนใจไทย สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นและก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 และถือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมสู่นิวเอสเคิร์ฟ

ลุ้นเลือกตั้งเกิดหุ้นพุ่ง 2 พันจุด

นายธีระวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังแกว่งตัวในกรอบ 1,720-1,750 จุด ปัจจัยจากทิศทางค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าเพราะปกติตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับค่าเงินบาท แต่คาดว่าจะไม่หลุดกรอบ 1,700 จุด ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลังจากทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้นทำให้คาดว่าปีนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเติบโตประมาณ 10% จะยังมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในตลาด ประกอบกับหากมีความชัดเจนการเลือกตั้งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นและดันดัชนีสิ้นปีไปถึง 1,985 จุดได้

“สมคิด” ไม่ยุ่งมาตรฐาน บช.ใหม่

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่เอกชนขอเลื่อนการนำมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 จากเดิมปี 2562 ออกไปเป็นปี 2565 ว่า ได้ให้นโยบายไปแล้วว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานบัญชีใหม่นั้น ยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและต้องปรับให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ การปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานดังกล่าวอาจใช้เวลาบ้าง ซึ่งตนไม่ได้บังคับหรือแทรกแซงว่าต้องนำมาใช้เมื่อใด แต่ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาวิชาชีพบัญชี หารือกันอย่างใกล้ชิด หวังว่าทุกฝ่ายคงเข้าใจว่าเราเพิ่งผ่านความถดถอยและยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ

ผู้ส่งออกเฮสงครามค้าคลี่คลาย

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าผลการประเมินผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ-จีนต่อการส่งออกไทย ที่ว่า ภาพรวมการส่งออกไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยผลกระทบทางบวกและทางลบ 2 กรณี คือ 1.ผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีนที่ส่งไปยังสหรัฐ 2.ผลทางบวกจากการที่สหรัฐนำเข้าจากไทยทดแทนจีน สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ (สพต.) มีการติดตามและพูดคุยกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มคลี่คลาย และคาดว่าทั้งสองประเทศจะเจรจาตกลงกันในที่สุด