สาวเชื่อเป็นของขวัญในวันพิเศษ พ่อรอดวิกฤตจากปอดติดเชื้อ

ในช่วงสถานการณ์ที่ทั่วโลกยังคงเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อโควิด-19 ตัวใหม่ที่กลายพันธุ์อย่าง โอไมครอน (Omicron) หากพูดถึงการเดินทางข้ามประเทศก็มักจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก แต่เมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การตั้งการ์ดอย่าให้ตกและปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันอย่างเคร่งครัดจึงนับว่าเป็นผลดี

เช่นเดียวกับเหตุผลของสาวชาว จ.ศรีสะเกษ คนนี้ที่จากบ้านไปทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานับสิบปี ทันทีที่เธอทราบข่าวว่า พ่อของตัวเองกำลังป่วยหนักและอาการรุนแรงถึงขั้นปอดติดเชื้อ ทำให้เธอต้องตัดสินใจวางแผนการเดินทางเพื่อกลับประเทศมาดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด

คุณบุษบาวรรณ บุญเรือน เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ตนได้แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติ จึงได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา ประมาณ 11 ปีแล้ว ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นพี่สาวตนโตของบ้าน จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน และเป็นผู้ที่รับภาระส่งเสียดูแลค่าใช้จ่ายของคนในครอบครัวทั้งหมด แม้ว่าตนจะอยู่ไกลแต่พ่อแม่จะต้องมีความสุข เมื่อตนทราบข่าวว่าพ่อล้มป่วยอย่างกะทันหัน และอาการทรุดลงเรื่อย ๆ ตนก็พยายามคิดวางแผนเดินทางกลับประเทศไทย และจะทำทุกหนทางเพื่อต้องการรักษาอาการป่วยของพ่อให้หายเป็นปกติ

แต่เดิมพ่อของตนป่วยเป็นโรคไส้เลื่อน จึงเข้าไปรักษาที่สถานพยาบาลในอำเภอแห่งหนึ่ง โดยแพทย์ได้วินิจฉัยเพิ่มเติม จนพบว่าพ่อของตนมีอาการปอดติดเชื้อร่วมด้วย จากนั้น 2 วันต่อมาจึงทำหนังสือขอส่งตัวผู้ป่วยเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมือง ซึ่งพักรักษาตัวประมาณ 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-21 พ.ย. 64 แต่อาการก็ยังทรงตัว และไม่ได้ดีขึ้นมากนัก

ทั้งนี้ ตนจึงตัดสินใจอีกครั้ง ก่อนจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์เจ้าของไข้ว่า หากญาติ ๆ ต้องการให้โรงพยาบาลทำเรื่องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ อาจจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช่จ่ายต่าง ๆ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเมื่อพ่อของตนถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ แพทย์ก็ได้ประเมินอาการผู้ป่วยจากผลการรักษาของโรงพยาบาลก่อนหน้า ก่อนจะลงความเห็นว่าพ่อของตนเป็นผู้ป่วยหนัก และต้องเข้ารักษาภายใน ICU ในทันที เนื่องจากผู้ป่วยถูกส่งตัวมาด้วยการใส่เครื่องช่วยหายใจ

“ตอนนั้นพี่ก็เสิร์ชหาโรงพยาบาลเอกชนว่าในจังหวัดเรามีที่ไหนบ้าง และพี่ก็เพิ่งรู้ว่ามีพริ้นซ์ ศรีสะเกษ จึงทำเรื่องย้ายมาที่นี่ พอพี่เห็นน้องพยาบาล คุณหมอส่งรถไปรับพ่อพี่ก็ดีใจประทับใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลพี่ว่า ผู้ป่วยใหม่แรกเข้าอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงหน่อยนะคะ เพราะพ่อพี่มีท่อสายยางเต็มไปหมด พี่ก็บอกว่าพี่พอไหวจะลองสู้ดูค่ะ เพราะพี่เชื่อว่าพ่อพี่ต้องหาย พี่อยากขอเป็นของขวัญในวันพ่อให้พ่อหายดี ซึ่งตอนพ่อพี่อยู่ ICU คุณหมอ พยาบาลดูและเทคแคร์ดีมาก ๆ แม้พี่ไม่ได้เฝ้าน้อง ๆ พยาบาลก็จะเฝ้าไข้และโทรมาบอกพี่ทุกอย่าง” สาวรายนี้ กล่าวให้ฟัง

นอกจากนี้ คุณบุษบาวรรณ ยังกล่าวถึงความประทับใจด้วยว่า ทีมแพทย์และพยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ คอยเอาใจใส่เพื่อให้บริการและดูแลผู้ป่วยอย่างเป็นกันเอง ซึ่งสิ่งที่ตนชอบมาก ๆ คือ การพูดภาษาอีสาน เพราะให้ความรู้สึกว่าเป็นเหมือนลูกหลานที่คอยเฝ้าดูแลคนในครอบครัว จึงทำให้ตนรู้สึกอบอุ่นและประทับใจมาก ๆ “เรารู้เลยว่า เขาจะดูแลพ่อของเราได้ดี”

นพ.วงศกร กัลยพฤกษ์ อายุรแพทย์ด้านทางเดินหายใจและปอด โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้แรกรับเข้ามารักษาด้วยอาการหอบเหนื่อย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งได้รับการใส่เครื่องช่วยหายใจมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ จึงนับว่าเป็นคนไข้กลุ่มที่ป่วยหนักและรุนแรง ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาในห้อง ICU โดยจะมีความยุ่งยาก ซับซ้อน และมีขั้นตอนในการรักษาที่มากกว่าผู้ป่วยทั่วไป แต่ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยให้ความร่วมมือเป็นดี ทำให้การรักษาและการกายภาพร่างกายเป็นไปได้ด้วยดี การรักษาจึงสำเร็จได้ค่อนข้างราบรื่น ผู้ป่วยจึงกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศไทย ช่วงนี้จะได้สัมผัสอากาศเย็น ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวโซนภาคเหนือ อีสาน อุณหภูมิบนยอดดอยและยอดภู จะลดต่ำสุด 3-12 องศาเซลเซียส หรือแม้แต่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงใกล้รุ่งอุณหภูมิต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส แต่ก็อย่าได้ละเลยการดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงนี้ไว้ด้วย