Spirited Away

วัชระ แวววุฒินันท์

ตอนปี 2540 ภาพยนตร์เรื่อง Titanic ออกฉายและประสบผลสำเร็จอย่างสูง ก็ได้สร้างกระแสต่อเนื่องถึงเรื่องราวของเรือ Titanic นี้ มีการค้นหาข้อมูลและเรื่องราวของเรือที่เป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การเดินเรือของโลกมากมาย

ในปีนี้เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer ออกฉายและมีเสียงตอบรับอย่างดี ซึ่งก็เฉกเช่นดียวกัน มีผู้สนใจใคร่รู้เกี่ยวเรื่องระเบิดปรมาณูที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ตลอดจนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอีกมาก

แน่นอนที่ต้องมีการพูดถึงเมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ สองเมืองของญี่ปุ่นที่เป็นเหยื่อของระเบิด “ลิตเติลบอย” และ “แฟตแมน” ที่เป็นชื่อเรียกของปรมาณูทั้งสองลูกนั่น

 

หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็ตกอยู่ในการควบคุมทางด้านการทหารจากสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 7 ปี มีการตั้งฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็นฐานทัพไว้ต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ที่เริ่มขยายอิทธิพลในยุคถัดมา

ในช่วง 7 ปีนั้นเป็นช่วงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับญี่ปุ่นอย่างก้าวกระโดดในเวลาต่อมา เพราะสหรัฐได้นำวิทยาการใหม่ๆ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้สมัยใหม่เข้ามาสู่ชาวญี่ปุ่นด้วย ทำให้ญี่ปุ่นพลอยรับเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาและพัฒนาต่อยอดเป็นของตนเอง

วิถีชีวิตของสังคมญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแปลงไป จากวิถีเรียบง่ายดังเดิมเข้าสู่ความสมัยใหม่เต็มรูปแบบ

เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงปี 2498-2516 เติบโตอย่างมาก เกิดอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมายขึ้นในประเทศ แน่นอนที่ไม่เพียงแต่เบียดบังและทำลายทรัพยากรธรรมชาติลง แต่ได้เบียดเอาความคิด ความเชื่อ และวิถีปฏิบัติแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เป็นคนสุภาพ ถ่อมตัว อดทน ทำงานหนัก และมีสำนึกร่วมของความเป็นชาติ ให้ค่อยๆ เจือจางลงไปด้วย กลายเป็นวิถีชีวิตที่ผูกติดกับวัตถุนิยม และความสะดวกสบายเป็นหลัก

ช่วงนั้นครอบครัวของชาวญี่ปุ่นต่างแสวงหา โทรทัศน์ขาวดำ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น จนถึงยุคของโทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศ และรถยนต์ไว้ใช้กัน

สิ่งหนึ่งที่ช่วยสะท้อนสภาพสังคมที่เป็นผลพวงจากการบริโภคนิยมก็คือสื่อต่างๆ รวมทั้งสื่อการ์ตูนญี่ปุ่น หรือแอนิเมชั่นในค่ายของ Ghibli Studio (อ่านว่า จิ-บลิ) ซึ่งปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง

รวมทั้งเรื่อง Spirited Away ที่สร้างขึ้นในปี 2001 ด้วย

ผู้ก่อตั้งและเป็น Key Man คนสำคัญของ Ghibli ชื่อ “ฮายาโอะ มิยาซากิ” ที่ได้ชื่อว่าเป็นวอลต์ดิสนีย์แห่งญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาอายุ 82 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนร่วมกับสตูดิโออยู่ แม้ว่าจะได้ถอยห่างเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาแสดงฝีมือสักระยะแล้ว

ฮายาโอะเป็นคนรักการวาดการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ เขาได้เรียนรู้จนได้เข้าไปทำงานในแวดวงแอนิเมชั่นญี่ปุ่นตอนอายุ 22 ปี หลังจากฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์ผ่านสตูดิโอต่างๆ ยาวนานร่วม 20 ปี เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทแอนิเมชั่นของตนเองขึ้นมา ร่วมกับนักวาดการ์ตูนรุ่นน้องที่สนิทกันที่ชื่อ “อิซาโอะ ทาคาฮาตะ” ชื่อว่า “จิบลิ สตูดิโอ” สร้างสรรค์ผลงานแอนิเมชั่นมาแล้ว 21 เรื่อง

เรื่อง Spirited Away ที่จะพูดถึงนี้เป็นผลงานลำดับที่ 12 จากการกำกับฯ ของฮายาโอะเอง ใช้ทุนสร้าง 1.9 พันล้านเยน เมื่อออกฉายก็สามารถขายตั๋วได้ถึง 21 ล้านใบ ทำรายได้สูงถึง 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเข้าฉายในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา

พร้อมทั้งเก็บรางวัลในเวทีประกวดภาพยนตร์ต่างๆ ทั่วโลกมากมาย รวมทั้งได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมในปี 2002 ด้วย

สิ่งที่อยู่เบื้องหลังผลงานการ์ตูนสวยๆ ของจิบลิทุกเรื่องก็คือ การสะท้อนแนวคิดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ความโหดร้ายของสงคราม, เรื่องสิทธิสตรีนิยม, เรื่องการเมืองและชนชั้น, เรื่องสถาบันครอบครัว

ฮายาโอะ มิยาซากิ

ส่วนเรื่อง Spirited Away นั้นสะท้อนถึง “สังคมแบบทุนนิยมและบริโภคนิยม”, “การหาตัวตนที่แท้จริง” และ “มารยาททางสังคม”

Spirited Away มีตัวเอกเป็นเด็กหญิงวัย 11 ปีชื่อว่า “จิฮิโระ” เธอและครอบครัว คือ พ่อและแม่ ออกเดินทางเพื่อย้ายไปอยู่ในเมืองต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ระหว่างทางได้พลัดหลงเข้าไปในดินแดนแห่งหนึ่ง ที่นำเรื่องเลวร้ายและการผจญภัยมาสู่เธอและครอบครัว

ดินแดนลึกลับที่ว่านี้เป็นปราสาทขนาดใหญ่โตหรูหรา และร้านรวงที่อยู่ทางด้านหน้า อันเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตแบบบริโภคนิยม ผู้คนที่อยู่ที่นี่นับแต่หัวหน้าอย่าง “แม่มดยูบาบะ” ลูกน้องที่เป็นกบ และพนักงานคนอื่นๆ ที่ทำงานในโรงอาบน้ำสำหรับวิญญาณแห่งนี้ ต่างเป็นพวกละโมบโลภมาก เห็นแก่เงินทองของมีค่าทั้งสิ้น

พ่อแม่ของจิฮิโระก็เป็นหนึ่งในคนที่มีวิถีบริโภคนิยม เมื่ออยากกินอาหารอร่อย กลิ่นหอม ก็ลงมือกินอย่างตะกละตะกลาม และพูดว่าเรามีเงิน มีบัตรเครดิต กินก่อนค่อยจ่ายให้เจ้าของทีหลังก็ได้ สุดท้ายทั้งพ่อและแม่ก็ต้องกลายเป็นหมู ที่รอวันให้เขาขุนให้อ้วนพีและนำไปเป็นอาหาร

จิฮิโระติดอยู่ในปราสาทแห่งนี้ในฐานะคนทำงานอย่างจำใจ เพื่อหาทางช่วยพ่อกับแม่ให้ได้ จากเด็กที่เอาตัวเองเป็นหลัก หน้าบึ้งหน้างอ ไม่รู้จักอดทนทำงาน ก็ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และที่นี่ได้เปลี่ยนแปลงให้เธอเป็นคนใหม่ในเวลาต่อมา

ฮายาโอะผู้สร้างได้สอดแทรกเรื่องมารยาทสังคมไว้ในเรื่องนี้ผ่านการกระทำของจิฮิโระ ที่ไม่รู้จักพูดขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ ไม่รู้จักการเคาะประตู หรือการพูดจากับคนแปลกหน้าให้เป็น

สุดท้ายจิฮิโระก็สามารถช่วยพ่อแม่ของเธอให้กลับเป็นคน และออกมาจากดินแดนแห่งนั้นได้ โดยเธอได้ค้นพบความเป็นคนใหม่ของเธอ ซึ่งก็คือ “ความเป็นตัวตนของคนญี่ปุ่นที่หายไปนั่นเอง”

แม่มดยูบาบะ ที่เป็นตัวแทนของสังคมบริโภคนิยมนั้น มีฝาแฝดอยู่คนหนึ่งชื่อ “เซนิบะ” ที่เป็นตัวแทนของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น บ้านของเซนิบะ เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม กินอยู่อย่างเรียบง่าย และมีความสุขกับการทำงานอย่างอดทน

ซึ่งแน่นอนที่จะมีความสุข สงบ ผิดกับฝั่งยูบาบะที่มีแต่การรีบร้อน แก่งแย่ง แสวงหาความร่ำรวย และไม่เคยเพียงพอ

นอกจากนั้น การออกแบบตัวละครของฮายาโอะก็น่าสนใจ เขาตั้งใจที่จะวาดตัวเอกอย่างจิฮิโระ ไม่ให้เป็นแบบพิมพ์นิยมของการ์ตูนญี่ปุ่น ที่มีความน่ารัก ดวงตากลมโตสุกใส และมีรอยยิ้มพิมพ์ใจ

หากต้องการให้จิฮิโระเป็นตัวแทนของเด็กหญิงธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่ได้ดูสวย น่ารัก หรือโดดเด่น

ทั้งนี้ก็เพื่อให้รู้สึกใกล้เคียงกับชีวิตจริงของเด็กผู้หญิงกลุ่มเป้าหมาย

และนั่นคือความสำเร็จหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมสามารถรักตัวละครอย่างจิฮิโระได้ในภายหลัง

ที่ฮายาโอะมีความคิดในเชิงสังคมส่วนรวมเช่นที่ว่านี้ เป็นเพราะการบ่มเพาะจากชีวิตตั้งแต่วัยเด็กของเขา เขาเกิดในครอบครัวมีฐานะ ที่บ้านประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนของปีกเครื่องบินรบแบบหนึ่งของญี่ปุ่น

ลึกๆ แล้วมันทำให้เขารู้สึกผิดที่เงินทองที่ทำให้เขาอยู่สุขสบายนั้นมาจากสงคราม ในขณะที่ครอบครัวอื่นๆ มากมายที่ต้องทุกข์ทรมานและได้รับผลกระทบจากการสู้รบของสงครามนั่น

แม่ของฮายาโอะ เป็นคนรักการอ่าน และสนใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว เธอได้ปลูกฝังนิสัยนี้ให้กับฮายาโอะ รวมทั้งแนวคิดทางการเมืองด้วย

ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาได้เข้าร่วมกับชมรมวิจัยวรรณกรรมเด็ก ทำให้เขาได้มีโอกาสอ่านการ์ตูนและนิยายสำหรับเด็กมากมาย ช่วยให้เขาเข้าใจโลกและจินตนาการของเด็กได้ดี และพัฒนาให้เขารู้จักการเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี จนพัฒนามาเป็นคนสร้างแอนิเมชั่นที่มีเนื้อหาดีๆ น่าสนใจและลึกซึ้งเช่นปัจจุบัน

สิ่งที่น่าชื่นชมคือ เขารู้จักการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาให้ความสำคัญกับทีมงานนักวาดของเขาอย่างมาก ซึ่งแต่ก่อนคนทำอาชีพนี้จะทำงานหนักและได้รับเงินค่าจ้างต่ำ ซ้ำยังเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่มีความมั่นคงและก้าวหน้าแต่อย่างใด

เขาจึงปรับระบบของบริษัทใหม่ ให้ทุกคนได้เป็นพนักงานของบริษัท มีรายได้ประจำที่เหมาะสมกับการทำงานหนัก

รวมทั้งเมื่อมีโอกาสก็ขยับขยายสร้างที่ทำงานให้กว้างขวางขึ้น พร้อมเครื่องมือเครื่องใช้ในการสร้างงานคุณภาพที่ทันสมัยพร้อมมูล

ฮายาโอะเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อความเป็นมนุษย์สูง รักความถูกต้องและยุติธรรม และไม่ชอบสงครามที่ทำลายล้างผู้คน ซึ่งสามารถเห็นได้จากผลงานหลายๆ เรื่องของเขา ตอนที่ภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away ได้รับรางวัลออสการ์ เขาก็ไม่ยอมไปรับรางวัลที่อเมริกา ให้เหตุผลว่าไม่อยากไปเหยียบประเทศที่ทิ้งระเบิดอิรัก ด้วยในช่วงนั้นเป็นช่วงของการทำสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก ซึ่งบ่งบอกตัวตนของฮายาโอะได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี ในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 2014 ฮายาโอะได้รับการยกย่องจากวงการฮอลลีวู้ด ด้วยการมอบรางวัลอันทรงเกียรติ คือรางวัล “The Governors Awards” เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอดชีวิตการทำงานของบุคคลในแวดวงภาพยนตร์

ปรัชญาในการทำงานของเขาที่เคยพูดถึงบ่อยๆ คือ “ซื่อสัตย์ต่อผลงาน ไม่เสแสร้ง ภาพยนตร์เป็นภาพสะท้อนของผู้กำกับฯ เรื่องนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจะรู้สึกผิดถ้าไม่ได้ทำหนังที่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจของผม ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่สามารถทำหนังได้อีก”

 

น่าคิดว่า หากฮายาโอะสนใจที่จะสร้างแอนิเมชั่นสักเรื่อง ที่สะท้อนถึงสภาพการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน เขาจะออกแบบเรื่องราวและตัวละครออกมาอย่างไร

กลัวแต่ว่า เมื่อเขาได้เข้ามาศึกษาหาข้อมูลในเชิงลึกแล้ว จะต้องตาโตด้วยความตกใจ

เพราะสิ่งที่เขาได้พบนั้น มันช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกินกว่าจินตนาการที่เขาเคยมีมาตลอดชีวิต พร้อมกับรีบแพ็กกระเป๋าบินกลับญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด

มันช่างกลัวใจเสียจริงๆ เชียว…ว่าไหม? •

 

เครื่องเคียงข้างจอ | วัชระ แวววุฒินันท์