OPPENHEIMER | ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’

นพมาส แววหงส์

ในคัมภีร์สันสกฤต ภควัทคีตา ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในมหากาพย์ มหาภารตะ พระอรชุนเกิดลังเลพระทัยที่จะนำทัพเข้าสู่สงครามที่จะฆ่าฟันทำลายล้างพระญาติพระวงศ์และไพร่พลซึ่งเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ภควัทคีตา ซึ่งแปลว่า บทเพลงแห่งพระผู้เป็นเจ้า รจนาขึ้นในลักษณะบทสนทนาระหว่างพระอรชุนกับสารถีกฤษณะ ซึ่งเป็นอวตารของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ

“…แลบัดนี้ข้าสำแดงกายเป็นมฤตยูผู้ล้างโลก…”

และเมื่อได้ประจักษ์แก่ตาในอานุภาพของระเบิดที่กำลังทดลองกลางทะเลทรายในรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่จากแรงระเบิดของสารสกัดแร่กัมมันตภาพรังสีจนบันดาลให้เกิดมวลลูกไฟใหญ่ยักษ์พวยพุ่งขึ้นในบรรยากาศของโลก ดุจดังไฟประลัยกัลป์ที่อาจทำลายล้างโลกให้เป็นผุยผงได้ในพริบตา…

…เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์…เจ้าของฉายา “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู”…นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล “โปรเจ็กต์แมนฮัตตัน” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริการะหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง…ออกปากอย่างตะลึงตะไลและครุ่นคำนึงว่า

And now I am become Death, the destroyer of worlds.

(เพื่อกันความเข้าใจผิดว่าคำกล่าวนี้คลาดเคลื่อนหรือผิดไวยากรณ์ ขอบอกเสียเลยนะคะว่า am become เป็นภาษาที่พบเห็นในกวีนิพนธ์โบราณ ภาษาปัจจุบันจะใช้ว่า have become)

Oppenheimer เป็นหนังเรื่องใหม่ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งเขียนบทเองและกำกับฯ เองด้วยความเฉียบคมและละเมียดละไม จนใครๆ หลายคน รวมทั้งตัวผู้เขียน คิดว่านี่น่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกหรือ opus magnum ของเขา…แต่ต้องต่อด้วยวลีว่า “จนถึงขณะนี้” หรือ so far

ใครจะรู้ว่าวิสัยทัศน์ของเขาจะสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้ได้อีกกี่เรื่องในอนาคต

โนแลนเขียนบทเองโดยใช้หนังสือที่ชนะรางวัลพูลิตเซอร์ชื่อ American Prometheus โดย Kai Bird เป็นหลัก

หนังเริ่มด้วยภาพของออปเพนไฮเมอร์ (คิลเลียน เมอร์ฟี) ในวัยหนุ่มยืนดูหยาดฝนที่ตกกระทบผิวน้ำ ก่อให้เกิดระลอกกระเพื่อมเคลื่อนต่อเนื่องไป…เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ในธรรมชาติตามกฎฟิสิกส์

แล้วก็ตามมาด้วยภาพเปลวไฟสีส้มฉาดฉานพวยพุ่งแลบเลียลามต่อไปไม่หยุดยั้ง เป็นฉากหลังของตัวหนังสือบนจอว่า “โพรมีเธียสแอบนำไฟจากปวงเทพมามอบแก่มนุษย์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกล่ามไว้กับหินผาให้ทรมาทรกรรมอยู่ชั่วนิรันดร์”

ช่างเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะเจาะกินใจสำหรับการเล่าเรื่องราวของบุคคลผู้นำอาวุธมหาประลัยมาให้มนุษยชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่การประหัตประหารทำลายล้างกันให้วอดวายล้างโลก

และตอนจบก็ลงตัวเหมาะเจาะแบบที่นึกไม่ออกว่าจะจบอย่างไรถึงจะดีไปกว่านี้ได้

ภาพไฟประลัยกัลป์นั้นติดตรึงหลอกหลอนอยู่ในมโนสำนึกของบิดาแห่งระเบิดปรมาณูนับแต่วินาทีแรกที่ทำสำเร็จ

หนังเล่าเรื่องสลับไปมาตั้งแต่ออปเพนไฮเมอร์ หรือที่ผู้ร่วมงานเรียก “ออปพี่” ยังเป็นนักศึกษาวิชาฟิสิกส์และไปเรียนที่เยอรมนี บางตอนเป็นภาพขาวดำ บางตอนเป็นภาพสี

ซึ่งดูอยู่นานจึงจะรู้ความแตกต่างว่า ส่วนที่เป็นสีสันนั้นเป็นประสบการณ์จากมุมมองของออปเพนไฮเมอร์ และส่วนที่เป็นขาวดำนั้นเป็นมุมมองของคู่อริตัวฉกาจที่อำพรางความอาฆาตมาดร้ายต่อเขามาจนในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง

หนังดารดาษคับคั่งไปด้วยดาราใหญ่ชั้นแนวหน้าเกรดเอทั้งหลายทั้งปวงในโลกบันเทิง แบบที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีแต่บารมีขั้นเทพของคริสโตเฟอร์ โนแลน เท่านั้น จึงจะดึงดาราดังๆ ให้ยอมมาเล่นในบทตัวประกอบแค่ฉากสองฉากก็เอาดีละ

แกรี่ โอลด์แมน (The Dark Knight) มาปรากฏตัวเป็นประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน ตอนที่ออปเพนไฮเมอร์เข้าพบที่ทำเนียบขาว แต่เป็นบทที่น่าจดจำที่สุดตอนหนึ่งในหนัง เพราะทรูแมนพูดจาข่มออปเพนไฮเมอร์ที่บอกว่ามือเขาเปื้อนเลือด โดยบอกว่าเลือดอยู่บนมือของคนสั่งการต่างหาก และยังไม่ทันที่ออปเพนไฮเมอร์จะคล้อยหลังออกจากห้องไป ทรูแมนก็พูดลอยลมตามมาว่า “อย่าให้นักวิทยาศาสตร์ขี้แยคนนี้มาพบฉันอีกนะ”

แน่นอนว่าการแสดงอันยอดเยี่ยมของคิลเลียน เมอร์ฟี ทำให้ออปเพนไฮเมอร์ตราตรึงและติดตรึงอยู่ไม่รู้วาย

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ในบทลูวิส สตรอสส์ ก็ตรึงตราในแคแร็กเตอร์ของคนขี้ริษยา อาฆาตพยาบาท และใจแคบขี้ระแวงกับเรื่องหยุมหยิมที่มโนสร้างภาพไปเองจนกลายเป็นความอาฆาตแค้นส่วนตัว

ตัวละครทุกตัวมีแง่มุมซับซ้อนและลุ่มลึกอย่างที่สุนทรภู่ กวีเอกของเรา เคยกล่าวไว้ว่า จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง

หนังยาวสามชั่วโมงเต็ม และเป็นหนังที่เดินเรื่องด้วยบทสนทนาและโคลสอัพใบหน้าตัวละคร โดยไม่ใช่หนังที่เต็มไปด้วยแอ๊กชั่นโฉ่งฉ่างตึงตัง แบบที่คอยกระตุ้นคนดูให้ตื่นตัวอยู่ตลอดความยาวของหนัง แต่ผู้เขียนพบว่าความยาวสามชั่วโมงนั้นผ่านไปอย่างแทบไม่รู้ตัว จนแม้เมื่อหนังจบแล้วก็ยังแทบไม่อยากลุกจากที่นั่ง…

…ด้วยใจที่หนักอึ้งจาก “สาร” ที่ส่งมาจากเรื่องราวของบุคคลผู้มองเห็นผลของการกระทำของตัวเองในภาพของมฤตยูผู้ล้างโลก

“สาร” นี้จะมีผลเตือนใจผู้คนถึงภัยอันใหญ่หลวงที่คุกคามมนุษยชาติเนื่องมาจากการกระทำของตัวเองหรือไม่ (ภาวะโลกร้อน ภูมิอากาศแปรปรวน ภัยคุกคามของเอไอ ฯลฯ) หรือว่าจะเป็นเหมือนเสียงเตือนของคัสซานดรา (Cassandra’s warning, Cassandra Syndrome) ที่ผู้คนได้ยินแต่ไม่ยอมฟัง หรือไม่สำเหนียก ได้แต่ปล่อยให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป โดยไม่ลงมือทำอะไรก่อนจะสายเกินแก้…

เรื่องราวของคัสซานดราก็มาจากปกรณัมปรัมปรากรีกอันมีคติเตือนใจอีกเรื่อง ไม่อยากคิดว่าเสียงเตือนจากคริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับหนังผู้มีฝีมือขั้นเทพ จะกลายเป็นเหมือนคำเตือนจากคัสซานดราเท่านั้น…

OPPENHEIMER 

กำกับการแสดง

Christopher Nolan

แสดงนำ

Cillian Murphy

Robert Downey Jr.

Matt Damon

Emily Blunt

Florence Pugh

Kenneth Branagh

Tom Conti

Casey Affleck

Josh Hartnett

Gary Oldman

Rami Malek

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์