MRS. HARRIS GOES TO PARIS ‘ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ’

นพมาส แววหงส์

ถ้าใครพลาดหนังปี 2022 เรื่องนี้เช่นเดียวกับผู้เขียนคอลัมน์นี้ หาดูหนังที่ดูแล้วชื่นใจได้ทางช่อง HBO ขณะนี้นะคะ

เป็นหนังที่ได้รับการเสนอชื่อและได้รางวัลไปจากหลายสถาบันภาพยนตร์ทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย และบทบาทการแสดงอันลงตัวและชนะใจคนดูของนักแสดงนำหญิงคือ เลสลีย์ แมนวิลล์ ซึ่งแฟนหนังหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาดี แม้จะนึกชื่อเธอไม่ออก อย่างเช่น Maleficent และ Phantom Thread เป็นต้น

หนังสร้างจากนวนิยายที่ประสบความสำเร็จในชื่อว่า Mrs. ‘Arris Goes to Paris ในช่วงทศวรรษ 1950 ซึ่งการออกเสียงชื่อ “มิสซิสแฮร์ริส” เป็น “มิสซิสแอร์ริส” นั้นเป็นสำเนียงของชนชั้นกรรมาชนอังกฤษ ประมาณเดียวกับเอไลซ่า ดูลิตเติล ใน My Fair Lady ซึ่งดัดแปลงมาจากบทละคร Pygmalion ของจอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์

My Fair Lady เป็นมิวสิคัลที่ชนะใจคนดูมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้

และจะว่าไป มิสซิสแฮร์ริสก็คล้ายเอไลซ่าตรงที่เธอมีความฝันอันสูงสุดที่จะเข้าไปอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง

เรื่องราวของสตรีทั้งสองเป็นเรื่องราวของซินเดอเรลลาสมัยใหม่ ซึ่งแปลงโฉมจากนางก้นครัวกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์

มิสซิสเอดา แฮร์ริส (เลสลีย์ แมนวิลล์) เป็นหญิงม่ายจากสงครามมากว่าสิบปี ชีวิตรักที่ครองคู่กับสามียังปิดฉากไม่ได้ เนื่องจากสามีของเธอเป็นนักบินของกองทัพสหรัฐ ซึ่งหายไประหว่างปฏิบัติการ และยังไม่มีใครค้นพบร่างหรือซากเครื่องบิน

หลายปีต่อมา เอดายังคงเฝ้ารอข่าวคราวของสามีอยู่โดยหาทำมาหาเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพแม่บ้านที่รับจ้างทำความสะอาดให้หลายบ้าน

เอดาบังเอิญไปสะดุดตาสะดุดใจกับชุดราตรีแสนสวยวางพาดอยู่บนเก้าอี้ในห้องของนายจ้างผู้สูงศักดิ์ของเธอ

เลดี้ผู้เย่อหยิ่งและตระหนี่ถี่เหนียวกับลูกจ้าง แต่ทุ่มทุนซื้อชุดแพงระยับมาประดับเรือนกายของตน บอกให้เอดารู้ว่าชุดราตรีสีพาสเตลแสนหวานปักลวดลายดอกไม้ระยิบระยับชุดนั้นเป็นฝีมือของนักออกแบบและช่างเสื้อชื่อดังชาวฝรั่งเศส เจ้าของห้องเสื้อสุดหรู คือ ดิออร์

แถมชุดราตรีนั้นยังมีชื่อเรียกสุดหรูเริ่ดเป็นภาษาฝรั่งเศสเสียด้วยว่า “ราวิซังต์” ซึ่งแปลว่า สวยบาดตาบาดใจ หรือสวยสุดใจขาดดิ้น อะไรประมาณนั้นแหละ

ชุดราตรีชุดเดียวนั้นมีราคาสูงลิ่วถึง 500 ปอนด์ และอย่าลืมว่าเรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 คือราวเจ็ดสิบปีที่แล้วนะคะ ถ้าเทียบมูลค่าเท่ากับเงินตราปัจจุบัน ก็คงอยู่ราว 1.3 ล้านได้ละมัง

เอาเถอะค่ะ นั่นหมายความว่าราคาของชุดสวยชุดเดียวนั้น คนจนทำงานแทบตายก็ไม่สามารถหามาครอบครองได้

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันในชีวิตอันแห้งแล้งชวนรันทดท้อของเอดา แฮร์ริส หญิงแม่บ้านวัยกลางคน กรรมาชนอันต่ำต้อยในมหานครลอนดอนช่วงทศวรรษ 1950

เป็นอิมพอสสิเบิลดรีมที่หล่อเลี้ยงจิตใจของคนหาเช้ากินค่ำ ให้สู้ชีวิตต่อไปให้ถึงความฝันอันเหมือนจะสุดเอื้อม

ท่ามกลางเสียงเตือนสติของเพื่อนผู้หวังดี เอดาไม่ย่อท้อและยอมแพ้ง่ายๆ เธออดออมเก็บเล็กผสมน้อย เสี่ยงโชคบ้าง และสะดุดเข้ากับลาภลอยบ้าง เช่น บังเอิญเก็บเครื่องประดับของแท้ได้ข้างทาง…ซึ่งด้วยความซื่อสัตย์สุจริตในกมลนิสัย เธอก็ไม่ได้ถือเอาเป็นของตัวเอง แต่เอาไปให้ตำรวจหาตัวเจ้าของและคืนให้…ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลเป็นเครื่องสมนาคุณตอบแทนจิตใจอันดีงาม

แถมเธอยังได้รับบำนาญตกค้างของสามีผู้เสียชีวิตในหน้าที่ระหว่างสงคราม

ที่สุดแล้ว มิสซิสแฮร์ริสก็ได้ไปปารีสจนได้ พร้อมเงินห้าร้อยปอนด์ซึ่งเธอพร้อมจะเอาไปจ่ายสำหรับชุดแสนสวยฝีมือช่างเสื้อชั้นนำของโลกคือ คริสเตียน ดิออร์

ห้องเสื้อดิออร์ขณะนั้นออกแบบเสื้อผ้าให้แก่ชนชั้นสูงและอภิสิทธิชนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิง หรือสตรีสูงศักดิ์อัครฐาน

เอดา แฮร์ริส บากบั่นพาตัวเองเดินตามความฝันอันสูงสุดไปจนถึงห้องเสื้อดิออร์ ซึ่งกำลังออกคอลเลกชั่นใหม่พอดี โดยประจวบเหมาะพอดีกับเวลาเปิดตัวคอลเล็กชั่นฉลองครบรอบสิบปีในแฟชั่นโชว์แบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะลูกค้าคนเด่นคนดังผู้มีศักยภาพและกำลังซื้อ

การพาตัวเองในคราบของหญิงแม่บ้านอังกฤษผู้ใช้แรงงานไปนั่งลอยหน้าดูแฟชั่นโชว์ท่ามกลางหมู่ผู้ดีมีสตางค์นั้นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เอดาถูกกีดกันแบบผู้ดีผู้เย่อหยิ่งจนถึงที่สุด แทบจะต้องหอบเงินห้าร้อยปอนด์กลับบ้านไปมือเปล่า โดยไม่ได้ชุดในฝันไปครอบครอง แบบมาเสียเที่ยวเสียแรงฟรี

อย่างไรก็ตามความจริงใจอันน่ารักของเอดาก็ทำให้เธอได้โอกาสเข้าไปนั่งแถวหน้าเคียงข้างชนชั้นผู้ดีจนได้

ประกอบกับขณะนั้นดิออร์กำลังมีปัญหาด้านการเงินและตกอยู่ในภาวะซวดเซอย่างหนัก

เอดาผู้มุ่งมั่น ซื่อสัตย์และจิตใจดีงาม จึงยื่นมือเข้าไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์

แม้ว่ามิสซิสแฮร์ริสจะเป็นตัวละครในจินตนาการ แต่ขณะนั้นคริสเตียน ดิออร์ตัวจริงเสียงจริงก็ยังมีชีวิตอยู่ จึงปรากฏตัวผ่านนักแสดงชื่อ ฟิลิปป์ เบอร์แต็ง

หนังเรื่องนี้สร้างโดยความร่วมมือของ the House of Dior และแฟชั่นโชว์ทุกชุดที่ปรากฏในหนังก็ได้มาจากเอกสารสำคัญที่บันทึกงานดีไซน์ตัวจริงของห้องเสื้อดิออร์เก็บไว้

งานออกแบบเครื่องแต่งกายของหนังเรื่องนี้จึงเป็นที่น่าจับตามากทีเดียว

นี่เป็นหนังแบบ feel good ซึ่งผสมผสานระหว่างโลกจริงกับโลกในความฝัน

ดูแล้วมีความสุขค่ะ •

MRS. HARRIS GOES TO PARIS

กำกับการแสดง

Anthony Fabian

แสดงนำ

Lesley Manville

Isabelle Huppert

Lambert Wilson

Alba Baptista

Lucas Bravo

Jason Isaacs

 

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์