BULLET TRAIN ‘รถไฟหัวกระสุน’ | นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

นับแต่ ค.ศ.1965 ญี่ปุ่นริเริ่มระบบรถไฟความเร็วสูงให้บริการการเดินทางเชื่อมเมืองต่อเมือง โดยมีชื่อเรียกที่รู้จักกันทั่วไปว่า “รถไฟหัวกระสุน” หรือ ชินกันเซน ในภาษาญี่ปุ่น

เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพอดูสำหรับนักเดินทางท่องเที่ยว ขนาดที่ว่าสมัยนั้นใครเดินทางไปญี่ปุ่น ก็ต้องหาโอกาสนั่ง “ชินกันเซน” ดูสักหน เพื่อจะได้รู้ว่ารถไฟที่แล่นฉิวด้วยความเร็ว 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่รถไฟบ้านเรายังไปแล่นเรื่อยๆ ด้วยความเร็ว “ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง” นั้นจะให้ความรู้สึกแตกต่างแค่ไหนเพียงใด

สมัยนี้รถไฟไฮสปีดความเร็วขนาดนั้นกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปแล้วล่ะ จีนก็สร้างเครือข่ายไปทั่วประเทศแล้ว

แต่คำว่า bullet train ก็ยังเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกรถไฟชินกันเซนของญี่ปุ่น และหนังที่ใช้ชื่อนี้ก็วางท้องเรื่องให้เกิดขึ้นบนรถไฟหัวกระสุนเป็นหลัก

Bullet Train สร้างจากหนังสือเบสต์เซลเลอร์ของโคตารู อิซากะ ซึ่งเคยมีการดัดแปลงเป็นละครเวทีด้วย

และสร้างเป็นหนังคอเมดี้-แอ๊กชั่นบู๊แหลกลาญเลือดสาดสะใจแฟนหนังแอ๊กชั่นเลยทีเดียว โดยใช้พระเอกชั้นแนวหน้าระดับแบรด พิตต์ นำแสดงเสียด้วย

เรื่องของเรื่องคือบนรถไฟชินกันเซนจากโตเกียวถึงปลายทางเกียวโต จอดตามสถานีรายทางเพียงสถานีละหนึ่งนาทีเท่านั้น มือสังหารห้าคนขึ้นมาเป็นผู้โดยสาร โดยต่างมีภารกิจต่างกัน

มือสังหารจอมโหดฉายา “เลดี้บั๊ก” (แบรด พิตต์) ถูกเรียกตัวให้มารับงานนี้โดยให้ขึ้นรถไฟไปรับกระเป๋าเอกสารบรรจุเงิน แล้วลงจากรถไฟที่สถานีถัดไปเพียงสถานีเดียว แทนจอมโหดอีกคนที่มาไม่ได้เพราะอาการป่วยกะทันหัน

ผู้ติดต่อ หรือ “ผู้คุมงาน” (handler) ของเขาคือ มาเรีย บีตเทิ้ล (แซนดรา บุลล็อก) เลดี้บั๊กตั้งข้อสงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงได้ฉายานี้ด้วย

ต่อล้อต่อเถียงว่าเขาไม่พร้อมจะรับงานนี้เลย แล้วปฏิเสธไม่ยอมพกปืนติดตัวมาด้วย โดยบอกว่าเขาเพิ่งเข้าคอร์สการจัดการความโกรธมาหยกๆ และตั้งใจไว้ว่าจะเลิกฆ่าคนแล้ว

นี่คือมุขชวนหัวเราะของนักรับจ้างฆ่าที่ตั้งใจจะไม่ฆ่าอีกแล้ว แต่ก็ยังรับงานอยู่

และปรากฏว่าภารกิจของเลดี้บั๊กจะต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้นมาก และต้องเผชิญหน้ากับความตายแบบรุนแรงต่อหน้าต่อตานับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งต้องเจอเรื่องโฉ่งฉ่างหวาดเสียวไปตลอดจนสุดสายปลายทางเลยทีเดียวเชียว

แถมรถไฟยังไม่ได้ไปถึงเกียวโตในสภาพปกติเสียด้วย แต่ตกรางยับเยินเลย

อ้อ ขอแทรกตรงนี้เสียหน่อยว่า ในความเป็นจริง ญี่ปุ่นสามารถอวดประสิทธิภาพของระบบชินกันเซนว่า “ตลอดระยะเวลาเกือบกว่าห้าทศวรรษที่ดำเนินการมา ไม่เคยมีผู้โดยสารสักคนเดียวเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการตกรางหรือการชนกัน”

มือสังหารอื่นๆ บนรถไฟ มีทั้งลูกสาววัยรุ่นของอันธพาลเจ้าพ่อชาวรัสเซีย เธอมีฉายาที่บอกความเป็นคนละเพศกับเธอว่า “พรินซ์” (โจอี้ คิง) พรินซ์วางตัวเป็นเด็กสาวซื่อบริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอโหดเหี้ยมเก่งกาจกว่าหน้าใสซื่อของเธอ

แฝดคนละฝาคู่หนึ่ง นามกรว่า “แทนเจอรีน” (อารอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) และ “เลมอน” (ไบรอัน ไทรี เฮนรี) คนแรกเป็นหนุ่มผิวขาว คนหลังเป็นหนุ่มผิวมืด ซึ่งก็มีปัญหากับฉายาของตัวเองเหมือนกัน

แล้วยังมีชาวญี่ปุ่นพ่อลูกอีกคู่ คนพ่อ (ฮิโรยูกิ ซานะดะ) นั้นแฟนหนังน่าจะคุ้นเคยหน้าค่าตาอยู่แล้ว

แถมยังมียากูซ่าจอมโหด ฉายา “ความตายสีขาว” (ไมเคิล แชนนอน) รอรับอยู่ที่ปลายทาง

นี่เป็นหนังแบบ “สะใจโก๋” ค่ะ รุนแรงเลือดสาด ที่ดูเหมือนจะได้อิทธิพลของผู้กำกับฯ อย่างเควนติน ทาแรนทิโน ไม่น้อยในด้านความรุนแรงและสไตล์

แต่ที่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสไตล์ของหนัง Pulp Fiction ซึ่งเป็นเรื่องของนักฆ่าสองคน (จอห์น ทราโวลต้า และแซมวล แอล. จอห์นสัน) ที่รับจ๊อบในฝรั่งเศส โดยที่ระหว่างนั้นพูดคุยตั้งคำถามอะไรต่อมิอะไรจิปาถะด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานอันธพาลที่กำลังทำอยู่เลย เหมือนคนปกติทั่วไป

มุขหลายตอนของเหล่านักฆ่าพวกนี้คือความพยายามที่จะทำตัวเหมือนคนปกติ โดยไม่ให้ผู้โดยสารอื่นหรือพนักงานรถไฟได้รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร และมาทำอะไรอยู่

นั่นหมายความว่า ระหว่างกำลังต่อสู้เข่นฆ่ากันพัลวันนั้น เมื่อมีพนักงานเข็นรถขายของมา พวกเขาก็จะหยุดสู้กัน และทำไก๋เหมือนกับว่าไม่มีอะไรผิดธรรมดาเกิดขึ้น

หรือสู้กันเสียงดังเกินไป และมีผู้โดยสารหญิงชราหันหน้ามาบอกให้เงียบๆ หน่อย พวกเขาก็พยายามทำตัวไม่ให้ดูผิดปกติ

หนังจึงมีลักษณะของตลกร้าย แถมด้วยตลกร้ายนั้นเป็นตลกทีเล่นทีจริง

เรื่องราวความรุนแรงดำเนินไปบนรถไฟ โดยที่ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็น ตอนดูอยู่ยังนึกเลยว่าทำไมรถไฟถึงว่างจัง โบกี้รถบางตู้แทบจะไม่มีผู้โดยสารนั่งอยู่เลย แต่หนังก็ยังอุตส่าห์หาทางเฉลยโดยอธิบายในตอนหลังๆ ว่า อันธพาลระดับเจ้าพ่อจัดการเหมาที่นั่งไว้แทบหมดทั้งขบวน

ตัวละครตั้งปัญหาเกี่ยวกับชะตากรรม โชคชะตา หรือกรรมลิขิตเอาไว้ด้วย และเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างเหนือคาด ก็ดูจะเอนเอียงไปในเรื่องของโชคและกรรม โดยเฉพาะในตอนจบที่ตัวละครที่รอดตายอย่างฉิวเฉียดมาได้ ไปเจอเข้ากับรถบรรทุกส้ม (แทนเจอรีน) และขับรถพุ่งไป “จัดการ” แก้แค้นแทนเจ้าของฉายานั้นเพียงโครมเดียว

แต่หนังก็ไม่ได้ยกมาเป็นประเด็นลึกซึ้งอะไร เพียงแค่ตั้งคำถามผ่านๆ ไปเท่านั้น

แฟนหนังบู๊ล้างผลาญคงชอบค่ะ •

BULLET TRAIN

กำกับการแสดง

David Leitch

นำแสดง

Brad Pitt

Joey King

Aaron Taylor-Johnson

Brian Tyree Henry

Hiroyuki Sanada

Michael Shannon

Sandra Bullock

 

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์