ภาพยนตร์ : DUNE ‘พิภพทราย’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

 

DUNE

‘พิภพทราย’

 

กำกับการแสดง

Denis Villeneuve

 

นำแสดง

Timothee Chalamet

Rebecca Ferguson

Stellan Skarsgard

Oscar Isaac

Jason Momoa

Josh Brolin

Javier Bardem

Zendaya

 

Dune สร้างจากนวนิยายเกี่ยวกับโลกอนาคตในชื่อเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย Frank Herbert เมื่อ ค.ศ.1965 สมัยที่ผู้เขียนยังไม่ได้เริ่มนิสัยการอ่านนิยายของชาติอื่นด้วยตัวเอง นอกจากหนังสืออ่านนอกเวลาในชั้นเรียน

สมัยนั้นยังอยู่ในวัยเพ้อฝันและนิยายที่อ่านด้วยตัวเองคือ “ในฝัน” ของโรสลาเรน ซึ่งอ่านแล้วอ่านอีกและร้องห่มร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าทุกครั้งเมื่อพระเอกตาย

ถ้าย้อนกลับไปมองสภาพความเป็นไปในโลกกว้างขณะที่แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต เขียนนวนิยายเรื่อง Dune ขึ้น ก็คงจะต้องอ่านและตีความด้านภูมิศาสตร์การเมืองของดินแดนทะเลทรายที่มีการค้นพบแหล่งน้ำมันที่กลายเป็นทรัพยากรล้ำค่าและสร้างฐานอำนาจขึ้นใหม่ในโลก

แน่นอนว่า Dune เป็นนิทานเปรียบเทียบเกี่ยวกับโลกอนาคตที่กำลังร้อนระอุด้วยภูมิศาสตร์การเมืองของดินแดนทะเลทรายที่เป็น “เหมืองทองคำ” แห่งใหม่ของโลก พาให้คนนอกปรารถนาจะเข้าไปครอบครองและแย่งชิงอำนาจมาจากคนพื้นเมืองซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย

Dune กลายเป็นหนังจอใหญ่ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1984 ด้วยฝีมือกำกับของเดวิด ลินช์ ตามหลัง Star Wars ภาคประเดิมเริ่มแรกใน ค.ศ.1977 ซึ่งทำให้โลกอนาคตบนจอภาพยนตร์ไม่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนหนังเท่าเทียมกับผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ของจอร์จ ลูคัส

ทั้งๆ ที่ถ้าจะว่ากันไปแล้ว ลูคัสน่าจะได้แรงบันดาลใจไปจากนวนิยายของเฮอร์เบิร์ตไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นภาพของโลกทะเลทรายที่ลูค สกายวอล์เกอร์ อาศัยอยู่ตอนเป็นหนุ่มน้อย มนุษย์ทราย และอำนาจจิตของเจไดซึ่งเป็นเหมือนโทรจิตที่ใช้สื่อสารและบังคับบัญชาจิตใจของผู้อื่น

ทราบว่า Dune ยังเคยเป็นหนังซีรีส์ทางทีวีอีกด้วย

 

เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนี้พรั่งพร้อมไปด้วยดารานักแสดงแถวหน้าซึ่งทุกคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี

ไม่ว่าจะเป็นทิโมที ชาลาเม็ต หนุ่มน้อยที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงหลายครั้ง โดยเฉพาะจาก Call Me By Your Name และ Beautiful Boy

รีเบกกา เฟอร์กูสัน สาวสวยหน้าตาเพอร์เฟ็กต์แบบสาวสวยเชื้อสายคอเคเชียน เหมือนดาราหญิงในหนังยุคแรกๆ จาก Mission Impossible: Fallout, The Girl on the Train และ The White Queen

ออสการ์ ไอแซ็ก จาก Ex Machina Inside Llewyn Dave

เจสัน โมโมอา “มนุษย์วารี” จาก Aquaman

สเตลลัน สการ์สกอร์ด จาก Mamma Mia!, The Girl With the Dragon Tattoo

จอร์จ โบรลิน จาก No Country of Old Men

ฮาร์เวียร์ บาร์เด็ม จากบทบาทที่น่าจดจำที่สุดใน No Country of Old Men และ Mother! และผู้ร้ายที่เป็นคู่แข่งที่ร้ายกาจน่ากลัวที่สุดคนหนึ่งของเจมส์ บอนด์ ใน Skyfall

และเซนดายา ซูเปอร์สตาร์นักร้องขวัญใจวัยรุ่น ที่มีบทบาทไม่มากนักใน Dune Part One แต่ทำท่าว่าจะมีบทบาทสำคัญต่อไปใน Part Two

แล้วยังแถมด้วยชาร์ล็อตต์ แรมพลิง นักแสดงหญิงชาวอังกฤษรุ่นเก๋า ซึ่งใน Dune มาในบท “แม่อธิการ” ที่คลุมหน้าด้วยตาข่ายจนแทบจำไม่ได้ว่าเป็นใคร

พอล อาเทรดีส (ทิโมที ชาลาเม็ต) เป็นลูกชายของดยุคเลโต (ออสการ์ ไอแซค) กับเลดี้เจสสิกา (รีเบกกา เฟอร์กูสัน) ผู้ลึกลับ

พวกพ้องของเจสสิกาเป็นกลุ่มชนที่ต้องการจะเพาะพันธุ์มนุษย์รุ่นใหม่ที่ถึงพร้อมด้วยพลังจิตที่จะครอบครองจักรวาลได้ด้วยคุณธรรม

และพอลยังเป็นหนุ่มน้อยที่แสวงหาจุดหมายในชีวิตของตนเองและรักความสันโดษของชีวิตที่เรียบง่ายโดยไม่ได้อยากครอบครองอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของบิดา

แต่ดาวอาร์ราคิส ซึ่งเป็นทะเลทรายเวิ้งว้าง ตกอยู่ในความปรารถนาจะได้ครอบครองของจักรพรรดิ โดยมีบารอน ฮาร์คอนเนน (สเตลลัน สการ์กอร์ด) วางกลอุบายจะกำจัดคู่แข่งให้พ้นทางไป

นั่นคือการขอความช่วยเหลือจากดยุคเลโตผู้เที่ยงธรรมให้มาเป็นตัวแทนในฐานะคนกลาง

แต่นั่นก็เป็นแผนการกำจัดคู่แข่งให้พ้นทาง

และพอลกับเจสสิกาถูกดึงเข้ามาในแผนการนี้ด้วย

ทรัพย์ในดินที่เป็นที่ต้องการและแย่งชิงของผู้คนทั่วจักรวาล คือ “สไปซ์” ซึ่งน่าจะเป็นผงแร่ ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับผู้คน ทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้นจนสามารถเดินทางไปในจักรวาลอันไกลโพ้นได้มากขึ้น

ผู้ครอบครองการผลิต “สไปซ์” ซึ่งขายได้ราคาดี จึงร่ำรวยมหาศาล ทำให้จักรวรรดิดำรงอำนาจและแผ่เดชานุภาพไปได้อย่างมั่นคง

นัยยะเชิงเปรียบเทียบของดินแดนทะเลทรายกับ “ทรัพย์ในดิน” นี้ออกจะชัดเจนในเรื่องภูมิศาสตร์การเมืองของนวนิยาย ซึ่งพูดถึงการที่ดินแดนตะวันออกกลางเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในเวทีโลก

กลับมาที่เรื่องราวของหนังกันใหม่ แผนการชั่วช้าและทรยศต่อมิตรของบารอนฮาร์คอนเนนทำให้พอลต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในดินแดนแปลกถิ่นและทุรกันดาร จนได้พบกับ “จุดหมายและวิถี” ใหม่ในชีวิตของเขาในที่สุด

ดังที่บอกไว้แล้วข้างต้นว่าหนังทั้งเรื่องเป็น “ภาคหนึ่ง” หรือประมาณครึ่งเรื่องของนวนิยาย ดังนั้น เราจึงจะยังต้องติดตามกันต่อไปเพื่อดูว่าอนาคตของพอลจะนำเขาไปสู่ความยิ่งใหญ่ในจักรวาลอย่างไร

องค์ประกอบสำคัญของหนังอนาคตกาลที่จะกระตุ้นจินตนาการของคนดูคืองานออกแบบโปรดักชั่น และหนังเวอร์ชั่นปัจจุบันก็ให้ภาพเต็มตาเต็มจอพอควร แม้ว่าสำหรับ “ยาน” ต่างๆ เราเห็นจะยังคงเทคโนโลยีของโลกใบเก่าอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นยานที่ผุดขึ้นจากใต้น้ำ ซึ่งไม่ผิดจากวาฬยักษ์หรือเรือดำน้ำลำใหญ่ ยานบินซึ่งหน้าตาเรียบๆ เทอะทะ เหมือนเรือเหาะสมัยโบราณ หรือเฮลิคอปเตอร์ที่หน้าตาเหมือนแมลงปอที่เพิ่มจำนวนปีกให้มากขึ้น

ได้ข่าวว่าหนังภาคสองได้รับอนุมัติให้สร้างแล้ว จึงจะยังต้องติดตามต่อไปว่าเมื่อไรจะได้ดูกันให้เรื่องราวจบลงโดยสมบูรณ์