ภาพยนตร์ : NO TIME TO DIE ‘ปัจฉิมบท’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

 

NO TIME TO DIE

‘ปัจฉิมบท’

 

กำกับการแสดง

Cary Joji Fukunaga

 

นำแสดง

Daniel Craig

Lea Seydoux

Rami Malek

Lashana Lynch

Jeffrey Wright

Ana de Armas

Ralph Fiennes

Ben Whishaw

Naomi Harris

Christoph Waltz

 

ที่เรียกว่าปัจฉิมบท ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ แดเนียล เครก ประกาศว่า Specter จะเป็นภาคสุดท้ายที่เขาจะรับบทพยัคฆ์ร้าย 007 ที่แบกไว้บนบ่ามาร่วมสองทศวรรษด้วยเหรียญตราสดุดีในฐานะนักแสดงที่แปรโฉมหน้าพระเอกสุดหล่อสุดเท่หรือเจ้าสำอางให้แกร่งกล้าทรหดแทบจะเกินมนุษย์มนา

เจมส์ บอนด์ ในมือแดเนียล เฉียดใกล้วิกฤตแห่งความตายอย่างหนักหนาสาหัสมานับครั้งไม่ถ้วน โดนระเบิด โดนกระสุน โดนวางยาพิษ ร่วงจากหน้าผาสูงลิ่ว โดนจับแก้ผ้าทรมานด้วยวิธีการแสนสาหัส และบ้านที่ฟูมฟักตัวเขามาแต่เล็กแต่น้อยก็โดนโจมตีให้วอดเป็นจุณ เจอเข้ากับความสูญเสียยิ่งใหญ่ ครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นยอดดวงใจถูกพรากจากให้ตายไปต่อหน้าต่อตา โดยสุดปัญญาจะช่วยให้รอด ไม่เว้นแม้แต่บิ๊กบอสที่เขารักและผูกพันด้วยในองค์กรเอ็มไอซิกซ์ ที่มีรหัสประจำตัวเป็นอักษร “เอ็ม” (จูดี้ เดนช์)

ความตายท้าทายเฉียดใกล้ชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างมาตลอด จนเขาได้ข้อสรุปว่าชีวิตของจารชนผู้ได้รับ “ใบอนุญาตให้ฆ่า” ได้นี้ไม่น่าจะยืดยาวไปจนถึงวัยชรา

ประกอบกับแดเนียล เครก เองก็คงเห็นว่าพละกำลังของตัวเองถดถอยลงจนไม่สมควรจะรับบทนี้ต่อไป

ใน Specter แดเนียล เครก จึงโบกมือลาบทบาทบันลือโลกนี้ไปพร้อมกับการที่เจมส์ บอนด์ ลาออกจากหน่วยสืบราชการลับอันเกรียงไกรของอังกฤษ เลือกไปใช้ชีวิตสงบสุขอันยาวนานในบั้นปลายกับสาวสวยคนสุดท้ายที่ครองใจเขาไว้ ดร.มัดเดอเลน สวอนน์ (เลอา เซดูซ์)

ครั้นแล้ว จะด้วยเครื่องล่อใจหรือความเย้ายวนใจในโลกบันเทิงอะไรก็ตามที่สุดจะห้ามใจ แดเนียล เครก ก็หวนมารับบทนี้อีกครั้งเป็นการส่งท้าย

และทำให้เป็นปัจฉิมบทที่ลงตัว ปิดฉากอวสานไปโดยบริบูรณ์

 

ใช่ว่า พยัคฆ์ร้าย 007 จะไม่กลับมาอีกแล้วนะคะ แต่ถ้ากลับมาอีก ก็จะไม่ใช่แดเนียล เครก อีกแล้ว แถมมีการปูทางความเป็นไปได้ทางหนึ่งไว้แล้วด้วยในภาคนี้

ในโลกที่มีเหล่าร้ายและผู้พิทักษ์ความยุติธรรมที่ตามล่าตามล้าง ความพยาบาทอาฆาตแค้นย่อมกลับมาเป็นล้อแห่งวงจรที่หมุนไปไม่มีจบสิ้น

ผู้ล่าแปรสภาพไปเป็นผู้ถูกล่า และผู้ถูกล่าแปรไปสู่การเป็นผู้ล่า ต่อๆ ไป กลายเป็นวัฏจักรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่รู้จะไปจบสิ้นตรงไหน

ใน No Time to Die เจมส์ บอนด์ ถูกนำตัวกลับเข้าสู่องค์กรที่มี “ใบอนุญาตให้ฆ่า” อีกครั้ง และเผชิญหน้ากับผู้ร้ายสุดอำมหิตคนใหม่ นามกรที่ออกเสียงยากว่า “ลยูตซิเฟอร์ ซาติน” (รามี มาเลก ซึ่งเห็นหน้าทีไรก็อดนึกถึงบทบาทอันตราตรึงของเขาใน Bohemian Rhapsody ไม่ได้)

แต่นี่ก็เป็นชื่อที่เลียนเสียง “ลูซิเฟอร์” ซึ่งมีความหมายได้ทั้งเป็นตัวปีศาจร้าย (ในศาสนาคริสต์) หรือเทพผู้นำแสงสว่างมาให้/ดาวประกายพฤกษ์ (ในปกรณัมปรัมปรา)

เอาล่ะค่ะ ฉากเปิดเรื่องก่อนไตเติลที่มีเสียงเพลงอันคุ้นเคย เป็นฉากที่ตรึงตรา ปูพื้นถึงอดีตและความเป็นมาในชีวิต ดร.มัดเดอเลน สวอนน์ ซึ่งเป็นหวานใจที่เจมส์ บอนด์ ตั้งใจจะลงหลักปักฐานด้วย รับรองว่าเป็นฉากที่ทำให้นั่งไม่ติดที่ หายใจไม่ทั่วท้องเลยเชียวค่ะ

มีผู้ร้ายสวมหน้ากากคาบูกิของญี่ปุ่นตามล่าล้างโคตร และเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ปรุด้วยรอยแผลเป็น…

ฉากสั้นๆ นี้ก็พลิกความคาดหมายไปมา เกินจะคาดเดาได้

และแล้วก็เป็นเพลงไตเติลเปิดเรื่องซึ่งสร้างแบบมิวสิกวิดีโอเต็มรูป

 

 

 

จากวินาทีแรก ถึงวินาทีสุดท้าย No Time to Die ไม่ปล่อยให้คนดูนั่งเอนหลังดูตามสบาย ต้องตามลุ้นอย่างหายใจไม่ทั่วท้อง ในฉากไล่ล่าซึ่งเป็นลักษณะเด่นของหนังเจมส์ บอนด์ แบบที่ไม่มีไม่ได้ ไม่งั้นคนดูจะผิดหวังด่าทอเอาเลยเชียว

ฉากไล่ล่าในหนังซึ่งมีอยู่หลายตอน ก็ไม่ชวนผิดหวังค่ะ น่าตื่นตาตื่นใจไปโดยตลอด โดยเจมส์ บอนด์ ขับรถแอสตัน มาร์ติน เสริมยุทโธปกรณ์ไฮเทคเพียบ ในทิวทัศน์และเมืองชนบทอันสวยงามของอิตาลี

หนังยังพาเราไปอีกหลายประเทศที่มีทัศนียภาพสวยสุดใจ ทั้งในอเมริกาใต้ และนอกชายฝั่งญี่ปุ่น

หนังภาคนี้มีบทบาทหญิงเก่งน่าประทับใจหลายคน ขอพูดถึงสองคนเป็นพิเศษ คือพาโลมา (อานา เดอ อาร์มัส) สายลับสุดสวยที่แสดงฝีไม้ลายมือต่อกรกับผู้ร้ายแบบที่เจมส์ บอนด์ ยังต้องเอ่ยชมหลังจากได้เห็นฝีไม้ลายมือในปฏิบัติการร่วมที่ชวนระทึกใจ

และนาโอมี (ลาชานา ลินช์…สาวผิวดำสวยจัดคนนี้คงตั้งชื่อด้วยภาษาสันสกฤตน่ะ เพราะน่าจะถอดเป็นไทยว่า “ลักษณา”) เป็นจารชนรหัส 00 คนใหม่ที่มาชิงความเป็นเลข 7 แทนบอนด์ผู้ลาออกจากองค์กรไป

นี่ยังไม่พูดถึง มันนี่เพนนี่ (เนโอมี แฮร์ริส) เลขาหน้าห้องบิ๊กบอส ผู้เบิกทางให้บอนด์เข้าออกเอ็มไอซิกซ์ได้อย่างสะดวกสบาย ในภาคก่อนหน้า มันนี่เพนนี่เคยมีบทสุดสะเทือนใจกับยอดพยัคฆ์ร้ายของเรา

ผู้ร้ายในหนังเจมส์ บอนด์ ร้ายกาจถึงขั้นอภิมหาวายร้ายทุกคน มีการจัดอันดับกันด้วยซ้ำว่าใครจะร้ายกว่าใคร ผู้เขียนให้ฮาเวียร์ บาร์เด็ม นะคะ เพราะเป็นบทบาทที่จดจำได้ไม่ลืม แค่เห็นหน้าก็ทำให้นั่งไม่ติดที่แล้ว และเป็นคนที่โค่นบิ๊กบอส “เอ็ม” ของจูดี้ เดนช์ ลงได้ด้วย

สรุปว่าเจมส์ บอนด์ ภาคอวสานของแดเนียล เครก ไม่ผิดหวังเลยค่ะ