ภาพยนตร์ : KATE ‘มือสังหาร’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

 

KATE

‘มือสังหาร’

 

กำกับการแสดง

Cedric Nicolas-Troyan

 

นำแสดง

Mary Elizabeth Winstead

Woody Harrelson

Miku Patricia Martineau

Jun Kunimura

Tadanobu Asano

 

Kate เป็นหนังใหม่ออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์ในเดือนนี้ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังเก่าสร้างใหม่มากมายหลายเรื่อง

จัดประเภทให้แคบลงได้ว่าเป็นหนังของหญิงเก่งกล้าและแกร่งเกินหน้าชายชาตรีทุกคนที่หาญเข้ามาต่อกรด้วย

เป็นหนังเลียนแบบ La Femme Nikita (1990) ของลุค เบสซง ถ้าไม่เรียกว่าเลียนแบบและพูดให้สวยหน่อย ก็ต้องใช้คำว่า “ได้รับแรงบันดาลใจอย่างรุนแรง”

แน่นอนว่า Nikita ซึ่งมีรีเมกเวอร์ชั่นอเมริกันคือ Point of No Return (1993) และมีซีรีส์ต่อเนื่องทางทีวีด้วย เป็นที่มาของหนังประเภท “สาวนักเตะก้น” อีกหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ Hannah (2011 ที่มีหญิงแกร่งคือ ซัวร์ชา โรนัน), Kill Bill (2003 หนังโชว์สไตล์เท่ๆ ล้วนๆ ของผู้กำกับฯ เควนติน ทาแรนทีโน)

เอาเข้าจริงแล้ว รู้สึกว่า Kate ไม่มีอะไรแปลกใหม่ชวนตื่นใจเอาเลย เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่และท้องเรื่องไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและสะท้อนวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น

แน่นอนว่าสาวแกร่งที่ถูกฝึกให้เป็นมือสังหารจอมพิฆาตแบบนี้ต้องมีวัยเด็กที่ถูกพรากจากการฟูมฟักในอ้อมอกอบอุ่นของพ่อแม่ กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกชะตากรรมทอดทิ้งไว้ตามลำพังในโลกกว้าง

และคนที่ก้าวเข้ามาโอบอุ้มเคตในกรณีนี้คือ วาร์ริก (วูดดี้ แฮร์เรลสัน)

มีมุขชวนขันอยู่ในเรื่อง คือ วาร์ริกยื่นมิตรภาพให้หนูน้อยเคตด้วยการให้เครื่องดื่มชื่อ “บูมบูมเลมอน” ซึ่งคงเป็นน้ำมะนาวผสมโซดาซาบซ่าน และกลายเป็นเครื่องดื่มของโปรดของเคตมาตลอด

ตลอดเหตุการณ์เข้มข้นในชีวิตเคต เธอตามหาเครื่องดื่มยี่ห้อนี้ ซึ่งคงขายดีจนขาดตลาดหรือหมดจากตู้หยอดเหรียญทุกหนทุกแห่งที่เธอผ่านไป

จนครั้นในภารกิจสุดท้ายที่เธอจะต้องจัดการ เธอจึงได้ดื่มบูมบูมเลมอน ซึ่งเหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นในอาชีพมือสังหารของเธอ

ตอนดูหนัง รู้สึกว่าเป็นการวางสินค้า (product placement) ที่สอดใส่สานเข้ามาในพล็อตอย่างทรงพลังมาก สงสัยว่าคงเป็นสปอนเซอร์ตัวใหญ่เลยเชียว และหลังจากหนังออกฉายยี่ห้อนี้คงขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยเชียว

แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในนิสัย เลยมาค้นดูชื่อยี่ห้อ กลับเป็นว่า “บูมบูมเลมอน” ไม่ได้มีอยู่ในโลกจริง ยี่ห้อเครื่องดื่มของญี่ปุ่นที่ใกล้เคียงที่สุดคือ C.C. Lemon ซึ่งเทียบได้ง่ายๆ กับน้ำมะนาวผสมโซดานี่แหละ

นับเป็นมุขเก๋ที่สุดของหนังเลยเชียวล่ะ…

เคตเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่ไม่ได้ไร้คุณธรรม เนื่องจากตัวเอกของเรื่องจะไร้คุณธรรมไม่ได้ ไม่งั้นก็จะกลายเป็นผู้ร้ายที่คนดูเกลียดชังไป

และเนื่องจากอดีตอันเจ็บปวดของตัวเอง คติพจน์ของเธอคือเธอจะไม่ลงมือปฏิบัติการต่อหน้าเด็ก

แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับคติพจน์ข้อนี้เกิดขึ้นจนได้

เธอถูกบีบให้ลงมือต่อหน้าเด็กหญิงคนหนึ่งและนั่นคือสิ่งที่ตามหลอกหลอนสำนึกของเธอต่อมา

ตั้งแต่ต้นๆ เรื่อง เคตโดนพิษทางกัมมันตภาพรังสีขนาดรุนแรง เป็นสารชื่อ โพโลเนียม-204 ซึ่งทำให้เธอไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้เลย หมอให้เวลาเธอเพียง 24 ชั่วโมง และเคตมีเวลาเพียงแค่นั้นที่จะตามล้างแค้นแก่ผู้ที่มอบความตายให้แก่เธอ

ในการนี้เคต “เตะก้น” ทุกคนที่ขวางหน้า ไม่มีใครจะแกร่งกล้าทรหดเกินเธอคนนี้ได้อีกแล้ว เพราะเธอทำการในขณะที่พิษกำลังทำลายร่างกายภายในอย่างรวดเร็ว

เธอต้องใช้สารกระตุ้นฉีดเข้าไปเพื่อให้มีแรงทำภารกิจต่อไปเรื่อยๆ และพยายามหา “บูมบูมเลมอน” ดื่มเพิ่มกำลังใจ แต่ก็หาไม่ได้สักทีในที่ที่เธอไปซื้อหา

เธอต่อสู้แบบ “ข้ามาคนเดียว” ท่ามกลางเหล่าทรชนในโลกอาชญากรรม และตามเบาะแสไปจนได้เงื่อนงำว่าศัตรูตัวร้ายของเธอเป็นประมุขของตระกูลยากูซ่า

แต่หนังยังมีการหักเหพลิกเรื่องไปคนละทาง ซึ่งจะพยายามไม่บอกอะไรจนหมดเปลือกให้เป็นสปอยเลอร์ในที่นี้หรอกค่ะ

ในภารกิจสุดท้ายของเคตนี้ เธอไปเจอเด็กหญิงที่เธอเคยสร้างความเจ็บปวดให้ อานิ (มิกุ แพทริเชีย มาร์ติโน) เป็นหลานสาวของบุคคลที่เธอกำลังตามตัว

และในที่สุดทั้งสองก็สร้างมิตรภาพอันดูไม่น่าเป็นไปได้ระหว่างกันขึ้น

อานิเป็นวัยรุ่นที่พยายามซ่อนความหวั่นกลัวไว้ภายใต้ท่าทีที่ดูเหมือนไม่พรั่นในสิ่งใด

จริงๆ แล้ว ถ้าหนังใช้เวลากับความสัมพันธ์ของคนที่มีอดีตร่วมกันนี้มากขึ้นอีกหน่อย ก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่ากินใจกว่านี้

หนังมีมุขขำขันประปราย แม้ในเหตุการณ์ชวนระทึก มุขเรื่องกระสุนปืนหมด หรือการไม่ได้ยิงจริงๆ ถูกนำมาใช้หลายครั้ง

วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหนในโลกโดดเด่นอยู่ในหนัง โดยที่ตัวละครตัวหนึ่งพูดเป็นทำนองว่าคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ (ผิดกฎหมาย) ในประเทศโดยไม่ได้เข้าใจวัฒนธรรมของประเทศเลย

สายเลือดซามูไรยังคงเข้มข้นอยู่ในตัวชายชาตรี แม้ว่าจะไม่ใช่อยู่ในตระกูลซามูไรอีกต่อไปแล้ว

ตอนจบ หนังใช้ภาพที่แปลกตาและรู้สึกว่า “ญี่ปุ๊น-ญี่ปุ่น” คือฉากที่การแก้แค้นสุดท้ายลุล่วงไป ภายนอกหน้าต่างมีภาพแสงสีของ “แมวกวักมือเรียกแขก” กะพริบอยู่

หนังเป็นไปตามสูตรของหนังประเภทนี้แทบทุกอย่าง แต่กระนั้นก็เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ค่ะ