ภาพยนตร์ : CRAZY ABOUT HER ‘บ้ากะบ้าวะ’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

CRAZY ABOUT HER

‘บ้ากะบ้าวะ’

 

กำกับการแสดง

Dani de la Orden

นำแสดง

Alvaro Cervantes

Susana Abaitua

Luis Zahera

 

หัวเรื่องที่จั่วไว้แบบนี้ก็เนื่องมาจาก Crazy About Her ทำให้นึกไปถึงหนังเก่าและเก๋าที่น่าจดจำที่สุดเรื่องหนึ่งซึ่งกวาดรางวัลออสการ์ไปมากมายเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว และเป็นหนังที่ได้รับการโหวตให้เป็นหนังดีที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยติดอันดับหนังดีตลอดกาล

คือ One Flew Over the Cuckoo’s Nest (1975) ที่มีแจ็ก นิโคลสัน สมัยหนุ่มเล่นแบบสร้างชื่อไว้ลาย แทบจะกลายเป็นแบรนด์ประจำตัวของเขาไปเลย

จำได้ว่าหนังเข้าโรงฉายในเมืองไทยตอนนั้นในชื่อภาษาไทยว่า “บ้าก็บ้าวะ”

แจ็ก นิโคลสัน หาทางพาตัวเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลประสาท เพื่อจะหลีกเลี่ยงโทษจำคุกร้ายแรง และไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนไข้โรคจิตสารพัดสารพัน

และต้องเจอเข้ากับชะตากรรมสุดสังเวชจากการไปต่อกรท้าทายผู้มีอำนาจเหนือกว่า

ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในหนังเรื่องนั้น คือ พยาบาลแรดเช็ตจอมโหด (ซึ่งเล่นอย่างน่าจดจำโดยลูวิส เฟล็ตเชอร์) ได้กลายมาเป็นตัวเอกของหนังซีรีส์ที่มีสีสันยิ่งของเน็ตฟลิกซ์ที่เริ่มฉายไปในปีที่ผ่านมา ในชื่อว่า Nurse Ratched (เล่นอย่างเยือกเย็นสมบทบาทโดยซาราห์ พอลสัน แต่มีหัวจิตหัวใจมากกว่าเดิม)

 

แต่โทนของ Crazy About Her ก็ต่างจาก One Flew Over the Cuckoo’s Nest อย่างสุดขั้วแบบที่เรียกได้ว่าอยู่กันคนละโลกเดียวกัน

ขณะที่เรื่องหลังเป็นดราม่าหนักอึ้งหรือถ้ามองเป็นคอเมดี ก็จะเรียกว่า “ตลกร้าย” แบบดำมืดทีเดียว

แต่เรื่องแรกเป็นโรแมนติกคอเมดี้แบบ (ออกจะ) เบาสมองและสร้างความรู้สึกดีๆ ให้

ประเด็นของทั้งสองเรื่องคือการนำเอาสิ่งที่คนทั่วไปมักไม่อยากพูดถึงเพราะเป็นเรื่องอันตรายที่จะแตะหรือวิพากษ์วิจารณ์ มาพูดถึงด้วยความเข้าใจอันดีงามและความเห็นอกเห็นใจ

ลืมบอกไปว่า Crazy About Her เป็นหนังจากสเปนนะคะ เลยได้เห็นนักแสดงที่หน้าตาแปลกไปจากที่เราคุ้นเคยกันบนจอ และพูดจากันด้วยภาษาสเปน

แต่ผู้เขียนขี้เกียจตั้งค่าเลือกภาษาในตอนแรก ก็เลยเลยตามเลย และได้ดูในเวอร์ชั่นที่พากย์เสียงภาษาอังกฤษ

 

เอดรี (อัลวาโร แซร์บานเตส) เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ใช้ชีวิตหลังเลิกงานเหมือนคนสมัยใหม่ในเมืองจำนวนมาก นั่นคือไปหย่อนใจในสถานบันเทิงและมองหาสาวที่จะตกลงปลงใจไปกับเขา

เขาได้เจอสาวสวยนิรนามที่แจ้งความจำนงว่าไม่ต้องการความผูกพันใดๆ นอกเหนือจากการไปด้วยกันคืนเดียว และนั่นดูเหมือนจะเป็นสาวในฝันของผู้ชายหลายๆ คน

พวกเขาใช้ค่ำคืนนั้นสนุกด้วยกันอย่างสุดเหวี่ยง ด้วยบุคลิกที่ฉลาดเป็นกรดและใจกล้าหน้าด้านของสาวน้อย พวกเขาไปร่วมงานแต่งงานอันหรูหราของคนไม่รู้จักอย่างหน้าตาเฉย แถมยังทำตัวเป็นจุดสนใจของงานโดยไม่สนใจว่าตัวเองเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

และลงท้ายด้วยการทำเนียนไปใช้ห้องหอของเจ้าบ่าวเจ้าสาวระหว่างที่งานยังไม่เลิก

แต่ความสัมพันธ์อันน่าประทับใจนี้ก็แสนสั้น และเป็นไปตามความประสงค์ของฝ่ายหญิง นั่นคือทั้งสองจากกันไปอย่างกะทันหัน โดยไม่ได้แลกเบอร์โทร.ไว้ติดต่อกันอีก

 

พล็อตซึ่งเดินเรื่องจากมุมมองของเอดรี จึงพาเขามาสู่การถวิลหาอาวรณ์ในตัวสาวนิรนามคนนั้น ซึ่งเผอิญทิ้งไว้กับเขาเพียงกระเป๋าที่หล่นอยู่บนพื้นใบเดียว

จากเงื่อนงำเล็กๆ เอดรีสืบต่อไปจนรู้ที่อยู่ของเธอ และพบด้วยความงุนงงว่า เธออยู่ในสถานรักษาคนไข้โรคจิต

เธอไม่ดูเหมือนคนป่วยโรคจิตสำหรับเขาเลย เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอออกมา แม้แต่หาทางให้ตัวเองเข้าไปอยู่ที่นั่นในฐานะคนไข้ เขาได้รู้ว่าเธอชื่อ คาร์ลา (ซูซานา อาไบตัว) และไม่ได้ต้องการเจอะเจอหน้าเขาอีกโดยตัดสัมพันธ์แบบไม่มีเยื่อใย

แต่เอดรีก็ต้องเจอปัญหาว่า เข้าไปในนั้นแล้วใช่ว่าจะออกมาได้ง่ายๆ ดังใจหวัง ทำยังไงๆ ผู้อำนวยการสถาบัน (คลารา เซกูรา) ก็ไม่เชื่อว่าเขาไม่ได้ป่วยจริง

ดังนั้น เอดรีจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนไข้โรคจิตมากหน้าหลายตา ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆ และอาจจะชวนขันสำหรับคนทั่วไป เช่น โรคทูเรตต์ ซึ่งสมองสั่งการให้เคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจ โรคจิตเภท ซึ่งเชื่อในความเป็นจริงแบบอื่น โรคหมกมุ่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเช่น สบู่ เป็นต้น

เพื่อนร่วมห้องของเขาคือ ซอล (ลุยส์ ซาเฮรา) เป็นโรคหวาดระแวง และภรรยาที่หย่าขาดไปมีคนใหม่ พาลูกสาวตัวน้อยมาเยี่ยมพ่อ โดยพ่อไม่อยากเสียภาพลักษณ์ในสายตาของลูกสาว เลยปลอมตัวเป็นหมอ แทนที่จะเป็นคนไข้ที่นั่น

มีฉากน่ารักๆ ชวนซาบซึ้งของซอลกับลูกสาวหลายตอน

 

สิ่งดีที่หนังเรื่องนี้สื่อสารออกมา คือ คนพวกนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่อาจจะใช้ชีวิตที่ดีได้ด้วยความเข้าใจของคนรอบข้าง แต่โรคที่พวกเขาเป็นนั้นรักษาไม่ได้ด้วยแรงใจที่มุ่งมั่นอยากหายอย่างเดียว เนื่องจากเคมีในร่างกายที่แปรเปลี่ยน ดังนั้น ถ้าไม่มีการคุมไว้ด้วยยา ก็อาจควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

นางเอกเป็นโรคไบโพลาร์ (เพิ่งดูซีรีส์ Spinning Out เกี่ยวกับสเก๊ตน้ำแข็ง ซึ่งนางเอกเป็นโรคเดียวกันนี้ มาหยกๆ) คือสะวิงอยู่ระหว่างสองขั้ว ขั้วหนึ่งคือมีความสุขเหลือล้นจนกลายเป็นไฮเปอร์ อีกขั้วหนึ่งคือหดหู่ซึมเศร้าถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย

ความสัมพันธ์ที่จะงอกงามต่อไปได้จึงขึ้นอยู่กับการยอมรับในตัวตนที่เธอเป็นอยู่ ไม่ใช่การเชื่อว่าเธอจะดีขึ้นได้เพียงด้วยการสร้างกำลังใจแก่ตัวเอง และว่า เธอจะหายขาดได้

ฟังดูก็เหมือนกับหนังโรแมนติกคอเมดี้ของแจ็ก นิโคลสัน อีกเรื่องที่เขาเป็นโรคประสาทแบบย้ำคิดย้ำทำและไปหลงรักสาวเสิร์ฟที่ต้องทนต่อนิสัยร้ายกาจของเขา เรื่อง As Good As It Gets ที่แปลว่า “ก็ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้” นั่นแหละ

พระเอก-นางเอกหล่อ สวย ฉลาดและนิสัยดีจนทำให้เราเอาใจช่วยเต็มที่

แต่หนังโรแมนติกคอเมดี้อาจทำให้มองเห็นโลกสวยกว่าที่เป็นจริงก็ได้