ภาพยนตร์ : PROMISING YOUNG WOMAN ‘ความคึกคะนอง’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

PROMISING YOUNG WOMAN

‘ความคึกคะนอง’

 

กำกับการแสดง

Emerald Fennel

นำแสดง

Carey Mulligan

Bo Burnham

Clancy Brown

Jennifer Coolidge

Connie Britton

Alfred Molina

 

เอเมอรัล เฟนเนล เป็นผู้กำกับฯ มือใหม่เอี่ยมถอดด้ามของหนังตลกร้ายซึ่งเธอเขียนบทเอง เธอจึงเป็นผู้กำกับฯ ประเภทที่เรียกว่า auteur เหมือนผู้กำกับฯ เก่งๆ หลายคนของยุโรปที่ชอบทำหนังจากไอเดียของตัวเอง ไม่ใช่จากสคริปต์ที่มีคนอื่นเขียน

และเช่นเดียวกับผู้กำกับฯ มือดีอีกหลายๆ คน เธอตั้งต้นอาชีพด้วยการเป็นนักแสดง แม้จะยังไม่ได้เป็นนักแสดงแนวหน้า (เธอเล่นบทเล็กๆ เป็นคามิลลา พาร์เกอร์ โบวลส์ ในหนังซีรีส์ชุด The Crown)

Promising Young Woman ได้นักแสดงที่เหมาะกับบทอย่างยิ่งคือ แครี่ มัลลิแกน จึงส่งให้หนังส่องประกายเฉิดฉายชวนชม รวมทั้งเป็นหนังที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าเรื่องราวจะพาเราไปในทิศทางไหน และจะไปลงเอยอย่างไร…ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีเยี่ยมของหนังโดยทั่วไป

เมื่อแรกที่เราได้เจอตัวละครตัวนี้ เราเห็นเธอเมาแอ๋แทบไม่ได้สติอยู่คนเดียวบนเก้าอี้นวมในบาร์ แต่งตัวเปิดเผยแบบสาวนักเที่ยวที่พร้อมจะให้ใครหิ้วไปก็ได้

และแล้วก็มีหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนนิสัยดี เดินเข้าไปหาและเสนอจะพาเธอไปส่งบ้านเพื่อให้ปลอดภัยจากฉลามร้ายอื่นๆ แต่แล้วเหตุการณ์ก็ค่อยๆ เดินหน้าต่อไปทีละเปลาะ แท็กซี่แล่นผ่านหน้าอพาร์ตเมนต์ของเขา และเขาชวนเธอแวะเข้าไปพักสักครู่

และผู้ชาย “นิสัยดี” ก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว เมื่อเห็น “เหยื่อ” ไร้สตินอนอยู่ตรงหน้า

ทว่าสาวสวยคนนี้ไม่ใช่ “เหยื่อ”

ตรงกันข้ามเลย เธอเป็น “ผู้ล่า” และเหตุการณ์ที่เลยเถิดไปนี้ เป็นความตั้งใจของเธอที่จะให้บทเรียนที่ทำให้เหยื่อของเธอหลาบจำไปนาน

 

คาสซานดรา หรือแคสซี่ (แครี่ มัลลิแกน) เป็น “หญิงสาวอนาคตดี” ตามชื่อหนัง หรืออย่างน้อยก็เคยเป็นในอดีตร่วมสิบปีที่ผ่านไป เธอเลิกเรียนแพทย์กลางคัน ทั้งๆ ที่เป็นคนหัวดีมาก และหมดกะจิตกะใจจะทำอะไรในชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

ในวัยสามสิบ แคสซี่ยังอาศัยบ้านพ่อ-แม่อยู่ และทำงานในร้านขายกาแฟเล็กๆ โดยไม่มีความทะเยอทะยานหรือความปรารถนาจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือก้าวไปข้างหน้า

และกลางคืนเธอก็ออกไป “ล่าเหยื่อ” โดยเก็บสมุดบันทึกชื่อเหยื่อที่เธอฆ่าออกไปทีละคนๆ นับรวมก็หลายสิบชื่อแล้ว

แคสซี่มีวิธีเผชิญหน้ากับพวกผู้ชายที่เกาะแกะหรือ “บูลลี่” เธออย่างเหนือคาด ทำให้พวกผู้ชายตัวโตๆ ชอบทำตัวอันธพาลและปากเปราะต้องล่าถอยไปตามๆ กัน

 

ในวันเกิดของเธอ ซึ่งเธอจำไม่ได้หรือไม่สนใจจะจำด้วยซ้ำ แม่วางของขวัญกล่องโตไว้ให้บนโต๊ะ และขอให้เธอเปิดดู ซึ่งเธอก็ทำตาม และพบว่าของขวัญชิ้นนั้นคือกระเป๋าเดินทางใหม่เอี่ยม

เธอไม่ใช่คนโง่จนไม่รู้ว่านี่คือวิธีที่แม่บอกว่าเธอควรจะย้ายไปอยู่ที่อื่นได้แล้ว แต่เธอก็ไม่แคร์ และยังคงทำทองไม่รู้ร้อนต่อไป เพราะเธอยังหาเงินได้ไม่พอกับการไปเช่าบ้านอยู่เอง ขณะเดียวกันเธอก็ไม่สนใจกับความก้าวหน้าในอาชีพ

ความสัมพันธ์ของแคสซี่กับพ่อ (แคลนซี่ บราวน์) และแม่ (เจนนิเฟอร์ คูลริดจ์) ได้รับการนำเสนอออกมาอย่างลงตัวพอดิบพอดี (รวมไปถึงตอนที่แคสซี่พาผู้ชายเข้าบ้านไปรู้จักกับพ่อ-แม่เป็นครั้งแรก)

จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง หนุ่มหน้าตาดีนิสัยดีคนหนึ่งเดินเข้ามาซื้อกาแฟในร้าน และจำเธอได้ว่าเคยเรียนแพทย์อยู่ด้วยกัน และยังจำได้ด้วยว่าเธอเป็นคนหัวดีปราดเปรื่องมากขณะที่เขาเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่

เขาออกจะงงๆ ว่าทำไมเขาจึงได้กลายเป็นกุมารแพทย์ ส่วนเธอเป็นสาวขายกาแฟในร้านเล็กๆ

 

ไรอัน (โบ เบอร์นัม) เริ่มขายขนมจีบใส่แคสซี่อย่างน่ารักและอบอุ่น โดยแคสซี่ทำตัวร้ายกาจใส่เขาอย่างเหลือเชื่อ จนในที่สุดเขาก็เริ่มละลายน้ำแข็งในใจแคสซี่โดยไม่รู้ตัว

แต่แคสซี่ก็ยังมีพันธกิจส่วนตัวที่จะต้องสะสางสำหรับเหตุการณ์ในอดีตที่พลิกชีวิตเธอจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เธอยังคง “ล่าเหยื่อ” ของเธอต่อไป

แต่นี่ไม่ใช่หนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีอดีตอันเลวร้ายจนกลายเป็นคนโรคจิตหาทางแก้แค้นให้สาสม เหมือนอย่างหนังไซโคอีกหลายเรื่อง

หนังมีจุดพลิกเรื่องแบบไม่คาดคิดอยู่หลายตลบ โดยเฉพาะตลบสุดท้ายที่ชวนให้นิ่งอึ้งตะลึงตะไล แต่เมื่อย้อนคิดดู ก็น่าจะเป็นตอนจบที่ให้ทางออกที่ดีที่สุดและสวยงามที่สุดแก่ตัวละครที่เคยมีอนาคตสดใสตัวนี้

 

ในโลกหรือสังคมที่จะหาความยุติธรรมอันเที่ยงตรงจากระบบและกฎหมายได้ยาก แคสซี่เดินหน้าหาความยุติธรรมตามวิถีทางเธอ โดยให้โอกาสสุดท้ายแก่เหยื่อและคนที่สำนึกผิดหรือกลับตัวกลับใจทุกครั้ง

ซึ่งทำให้เธอเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจ ไม่ใช่คนโรคจิตที่ฉลาดเป็นกรดซึ่งคอยจ้องตามล้างผลาญโดยไม่เลือกหน้า

แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ให้อภัยและเรียกร้องการให้อภัยต่อการกระทำอันคึกคะนองไร้ความยับยั้งชั่งใจของตัวเอง ซึ่งส่งผลมหาศาลต่อชีวิตผู้อื่น ด้วยการอ้างเหตุผลเพียงว่า “ก็ตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่เลย” เลยได้แต่ให้อภัยตัวเองและเชื่อว่าตัวเองเป็น “คนนิสัยดี”

ดูหนังมามากมายและได้ยินคำแก้ตัว “I was just a child!” มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิดนี้ กลายเป็นเสียงสะท้อนก้องสะเทือนใจอย่างยิ่งในหนังเรื่องนี้

เป็นหนังดีที่ขอแนะนำค่ะ