ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 เมษายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
รําลึกชาติถึงกลิ่นหอม “ดอกมันปลา” ขึ้นมาโดยพลัน
หลังคอลัมน์ “สมุนไพรเพื่อสุขภาพ” ในโครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง ของมูลนิธิสุขภาพไทย ของมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้
พาคนอีสานบ้านเฮา ฟื้นความจำถึงไม้มงคลวันมหาสงกรานต์
แน่นอนหนึ่งในนั้นคือ ต้นกันเกรา
หรือที่คนอีสานรู้จักกันในชื่อ ต้นมันปลา
ต้นมันปลา หรือกันเกรา คอลัมน์ “สมุนไพรเพื่อสุขภาพ” ให้ข้อมูลว่า เป็นหนึ่งในไม้มงคล 9 ประการ หรือ “นพพฤกษ์”
อันประกอบด้วย ราชพฤกษ์ ขนุน ชัยพฤกษ์ ทองหลาง ไผ่สีสุก ทรงบาดาล สัก พะยูง และกันเกรา
กันเกราหรือต้นมันปลา อาจโดดเด่นกว่าไม้มงคลชนิดอื่น
ตรงที่ให้ดอกมีกลิ่นหอมมาก
สมชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ฟรากรานส์ (fragrans) อันแปลว่า กลิ่นหอม
นอกจากกลิ่นหอมของดอกแล้ว ชาวอีสานและชาวไทยทั่วไปเชื่อกันว่า ต้นมันปลาเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง
โดยเฉพาะชาวอีสานมีความเชื่อเช่นนี้เป็นพิเศษ
เพราะต้นมันปลาจะออกดอกเหลืองสะพรั่งโชยกลิ่นหอมชื่นใจ
ต้อนรับวันตรุษสงกรานต์ทุกปี
ดอกมันปลาเป็นความหลังอันหอมชื่นของพ่อใหญ่แม่ใหญ่หลายๆ คน
เมื่อครั้งยังเป็นบ่าวเป็นสาวจะชักชวนกันนำพวงมาลัยหอมดอกมันปลาสีเหลืองงามอร่ามไปถวายพระในงานบุญมหาสงกรานต์
จากนั้นก็ผลัดกันเอาพวงมาลัยดอกมันปลาคล้องคอให้กัน และเล่นสาดน้ำท่ามกลางกลิ่นหอมอบอวลของดอกมันปลาแทนกลิ่นแป้งร่ำน้ำปรุง
ปัจจุบันต้นมันปลาเป็นไม้หายาก
เพราะเป็นไม้สีน้ำตาลเข้มลายสวย ขัดเป็นมันเงา ปลวกไม่กิน
จึงถูกตัดไปทำเฟอร์นิเจอร์จำนวนมาก
คนรุ่นหลังจึงพบเห็นต้นมันปลาไม่มาก
และหลายคนอาจจินตนาการถึงกลิ่นของดอกมันปลาไม่ได้เสียแล้ว
ว่าหอมของดอกมันปลานั้น หอมอย่างไร
เมื่อกล่าวถึงไม้หายากอย่าง “มันปลา” แล้ว
ทำให้เราอดเป็นห่วงถึงชะตากรรม “ไม้หายาก” อื่นๆ ด้วย
เพราะนับวันก็ใกล้จะสูญพันธุ์
ทำอย่างไรจะรักษา และสร้างความผูกพันเพื่อปกป้องสิ่งกำลังจะสูญหายเหล่านี้ได้บ้าง
คอลัมน์ “อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ” ของ ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
พาไปสัมผัสงานศิลปะ ของ “อริญชย์ รุ่งแจ้ง” ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยที่ร่วมแสดงงานในมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Chiang Rai 2023 ที่จังหวัดเชียงรายในตอนนี้
อริญชย์นำเสนอผลงาน Belief is like the wind หรือ “ความเชื่อเป็นเหมือนสายลม”
เป็นผลงานประติมากรรมจัดวางผสมเสียง
ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตและความเชื่อของชุมชนชาติพันธุ์ท้องถิ่น โดยเฉพาะของชาวปกากะญอ
ที่มี ‘บทธา’ บทกวีหรือสุภาษิตโบราณ เป็นเครื่องมือส่งต่อความรู้ผ่านการร้องเพลง หรือการบอกเล่าต่อๆ กัน ปากต่อปาก
เช่นตอนหนึ่งของบทธา บอกว่า
“ความเชื่อเป็นเหมือนสายลม
ที่เรามองไม่เห็น หากแต่ขับเคลื่อนให้ทุกสรรพสิ่งเคลื่อนไหว”
อย่างกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ “ความเชื่อ” ของชาวปกากะญอ เรื่องการเกิด
โดยชาวปกากะญอจะเอาสายสะดือของเด็กที่เกิดใหม่บรรจุในกระบอกไม้ไผ่
แล้วนำไปผูกแขวนกับต้นไม้ต้นใดก็ได้ในป่า
เพื่อให้ต้นไม้ต้นนั้นมีความสัมพันธ์กับลูกที่เกิดมา
เพราะฉะนั้น เด็กชาวปกากะญอก็จะเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับต้นไม้
และเขาจะหวงแหนพืชพันธุ์ธรรมชาติ
ซึ่งความผูกพันและหวงแหนนี้ หากมีกันมากๆ
ก็คงจะสามารถช่วยรักษา “พันธุ์ไม้ที่หายาก” เอาไว้ได้
แน่นอนว่า รวมถึง ต้นมันปลา ด้วย
จงใจขับเน้นไปยังสิ่งอันหอมละมุน และสุนทรียะแห่งงานศิลปะ
ในด้านหนึ่ง ประสงค์จะช่วยลดความระอุของฤดูร้อน
รวมถึงลดภาวะร้อนทะลุปรอทแตก ของเหตุบ้านการเมือง
ที่ดูเหมือนจะเกิดทุกหย่อมหญ้าตั้งแต่ระดับบ้านที่เศรษฐกิจแตกระแหง หนี้ท่วม
ไปถึง ตำรวจ สภา ทำเนียบ
จำต้องหาอะไรมาลดร้อนวิกฤตลงบ้าง–คิดฮอดมาลัยดอกมันปลา หลาย-หลาย แท้ •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022