ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
ยุทธบทความ ของ สุรชาติ บำรุงสุข ในฉบับนี้
ว่าด้วย “ชัยชนะของตุลาการธิปไตย! / บนเส้นทางการเมืองที่เปราะบาง”
แน่นอนว่า อาจารย์สุรชาติ ต้องการโฟกัสไปยัง
“ตุลาการธิปไตย” (Juristocracy)
อันเป็นการจัดการปัญหาการเมืองด้วยกระบวนการทางกฎหมาย
เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการเมืองไทย
อย่างได้ผล และมีประสิทธิภาพ (หน้า 36-37)
อาจารย์สุรชาติ จัดให้ “ตุลาการธิปไตย” สังกัดอยู่ใน “พลังปีกขวา” ในการเมืองไทย
เป็นพลังปีกขวา ที่ควบคุมทิศทางการเมืองของไทยมายาวนาน
โดยหากพิจารณาจากพัฒนาการของประวัติศาสตร์การเมืองไทยนับจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 เป็นต้นมา
จะเห็นว่าพลังปีกขวา หรือพลังของฝ่ายอนุรักษนิยมไทย ได้ผสานเข้ากับพลังของจารีตนิยม อย่างมีพลังและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถกุมความได้เปรียบในการเมืองไทยมาโดยตลอด
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างใดก็ตาม
แต่พลังเช่นนี้ก็สามารถเป็นผู้กุมชัยชนะได้ในแทบทุกครั้ง
และแน่นอน
พวกเขากำลังจะได้รับชัยชนะในการตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ ในครั้งนี้ด้วย
แม้ว่าจะสวนกับเจตนารมณ์ของประชาชน ที่แสดงผ่านการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม อย่างสิ้นเชิงก็ตาม
จากภาวะดังกล่าว ทำให้กลุ่มปีกขวาเชื่อว่าพวกเขาสามารถชนะการต่อสู้ทางการเมืองได้เสมอ
และตลอดไป?
แต่อาจารย์สุรชาติ ก็เตือนปีกฝ่ายขวาว่า ในอีกด้านหนึ่งของชัยชนะ
มันอาจจะกลายเป็นต้นทางของกระแสความรุนแรงในอนาคตได้ไม่ยาก
ด้วยเพราะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งมองไม่เห็นทางออกอื่น
การขับเคลื่อนของฝ่ายอนุรักษนิยม ที่นับวันยิ่งทวีความเป็น “จารีตนิยม” มากขึ้นนั้น
ทำให้การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทย ดูจะตีบตันมากขึ้น
เท่าๆ กับที่การแสวงหาทางออกจากวิกฤตก็ถูกบีบให้แคบลงด้วย
เนื่องจากความเห็นต่างถูกขยายให้เกิดมี “ช่องว่างทางความคิด” มากขึ้น
จนยากที่จะหา “ฉันทานุมัติร่วมกัน” ในความเห็นต่างเหล่านั้น
และอาจจะนำพาไปสู่เหตุอันไม่พึงประสงค์ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยชัยชนะที่มีมาตลอดของปีกฝ่ายขวา อาจทำให้พวกเขาไม่ยี่หระหรือกังวลนัก
ด้วยชนชั้นนำและกลุ่มอนุรักษนิยมที่มีอำนาจทางการเมืองมักเชื่อเสมอว่า พวกเขายังสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้ในมือได้ตลอดไป
และเชื่อมั่นเสมอว่า พวกเขาจะดำรง “สถานะเดิม” ของสังคมไว้
โดยไม่จำเป็นต้องปรับตัวไปกับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวแต่อย่างใด
และพลังของ “พลังปีกขวา” จะจัดการเรื่องเช่นนี้ได้
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาพร้อมที่จะใช้อำนาจที่มี ทั้งเสนาธิปไตย ทั้งตุลาการธิปไตย เข้าจัดการ
เพื่อ “สร้างความกลัว” อันจะทำให้สังคมยอมจำนนไม่ต่อสู้
เช่น การจับกุมพร้อมกับคำตัดสินที่มีโทษสูง ซึ่งจะทำให้คนในสังคมอยู่โดยไม่กล้าที่จะเรียกร้องหาความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ขณะเดียวกันก็อยู่โดยยอมรับต่อการใช้อำนาจของผู้ปกครองอย่างไม่ต่อต้านด้วย
แต่อาจารย์สุรชาติ ก็เตือนพลังปีกขวาว่า การใช้อำนาจเช่นนี้
กลับมีข้อจำกัดในตัวเอง
เพราะหากฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมืองตัดสินใจที่จะก้าวข้ามผ่าน “ความกลัว” ที่ถูกสร้างด้วยการใช้กฎหมายเป็นอาวุธแล้ว
พลังปีกขวาอาจจะไม่เหลือมากพอที่จะใช้ยับยั้งการลุกขึ้นเรียกร้องของผู้เห็นต่างได้
คําเตือนนี้ จะแทรกผ่านความลิงโลด เข้าไปถึงฝ่ายพลังปีกขวา ที่กำลังเชื่อมั่นว่า ตนเองกำลังควบคุมการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จเอาไว้ได้อีกครั้ง หรือไม่
ยังเป็นคำถาม
เพราะไม่เพียงพลังปีกขวาจะมั่นใจ ในความเหนือกว่าแล้ว
พวกเขายังสามารถเบียดแทรกเข้าไปทำให้ฝ่ายเสรีนิยมถูกแยกสลายให้อ่อนแอลง
ดังกรณีโอบกอดพรรคเพื่อไทยเป็นพวก และบดขยี้พรรคก้าวไกลอย่างได้ผล
สังคมไทยจึงยังต้องอยู่ภายใต้ปีกพลังฝ่ายขวา อีกยาวนาน?!?! •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022