ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 กรกฎาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
ประจำวันที่ 8-14 กรกฏาคม 2565 ฉบับที่ 2186
ขอแสดงความนับถือ
หายไป 3 สัปดาห์
ถามไถ่กันเข้ามาถึง “นิธิ เอียวศรีวงศ์” ด้วยความเป็นห่วง
ว่าที่จริงไม่ได้ “หาย” ไปไหน
เพียงแต่การจะเรียกร้องให้อาจารย์นิธิ “โอลด์แต่ไม่เอาต์” โดยมิได้พักบ้าง ก็ดูจะฝืนธรรมชาติไปบ้าง
ต้องไม่ลืมว่า อาจารย์นิธิทะลุ 80 ไปหลายปีแล้ว
จำต้อง “พัก” บ้าง
และน่ายินดีที่ “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้
อาจารย์นิธิกลับมาแล้ว
กลับมาด้วยการโฟกัสไปยังความแข็งแกร่งในปฐพีของผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ความแข็งแกร่งที่นอกเหนือจากการโชว์ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แล้ว
สิ่งที่ทำให้ผู้ว่าฯ ชัชชาติแกร่งอีกประการหนึ่ง
นั่นคือความสามารถ “หลอมรวม” เข้าหาทุกกลุ่ม
ทั้งที่เป็นมิตร และไม่เป็นมิตร
โดยสะท้อนผ่านคำพูด
“เราอาจมีความเห็นไม่ลงรอยกันและขัดแย้งกันได้ แต่เราไม่ควรเกลียดกัน เพราะความเกลียดนำไปสู่การทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่ง และทำให้ประเทศเดินต่อไปไม่ได้”
นำไปสู่การได้รับเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
ซึ่งอาจารย์นิธิไม่ได้เห็นต่าง
และยังมองว่า “ในทางการเมืองย่อมมีประโยชน์อย่างยิ่งแก่นักการเมืองซึ่งประสบความสำเร็จจากจุดยืนไม่เข้าข้างฝ่ายใดจะพูดเช่นนี้ แต่เป็นไปได้เช่นกันว่าคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เชื่อเช่นนี้จริงๆ ด้วย”
แต่กระนั้น อาจารย์นิธิก็ยังมีบางมุมให้คิด
คิดเพื่อให้ “สังคมไทย คนไทยแข็งแกร่งในปฐพี” เช่นกัน
โดยเฉพาะกับความเป็นประชาธิปไตย
อาจารย์นิธิตั้งคำถามให้หาคำตอบว่า “…สมมุติว่าเราไม่ ‘เกลียด’ คนที่มีประวัติล้มกระดานประชาธิปไตยมาแล้ว เราพึงวางใจคนเหล่านี้ในการร่วมงานกับเขาหรือไม่ และเพียงไร”
นี่ย่อมไม่ได้เจาะจงไปที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติเท่านั้น หากแต่ชี้ชวนให้คนไทยร่วมกันคิดและหาคำตอบอย่างแหลมคมด้วย
นอกจาก “นักคิดนักเขียนอาวุโส” อย่างอาจารย์นิธิ จะกลับมาให้การบ้านคนอ่านแล้ว
มติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้ยังมีคนรุ่นใหม่มาเปิดคอลัมน์ใหม่ “ดาวพลูโตมองดูโลก” (หน้า 36) ให้แฟนมติชนสุดสัปดาห์ได้พิจารณาอีกด้วย
ทำไมต้อง “ดาวพลูโต”
เจ้าตัวอธิบายไว้ในคอลัมน์อย่างน่าฟังว่า
“…ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยะ และไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุดด้วยเช่นกัน
ด้วยความเล็กและอยู่ไกลจึงสามารถมองเห็นความเป็นไปของดาวดวงอื่นๆ รวมทั้งดาวโลกเสมอ
มองดูอยู่อย่างห่างๆ เหมือนคนนอกมองกลับเข้ามา
เหมือนกระผมที่เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งในสังคม
คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งมองดูความเป็นไปของสังคม ดื่มด่ำกับความเป็นไปของสังคมในฐานะผู้รับชม…”
จากผู้รับชม ในวันนี้เขาขอโอกาสมาเป็นผู้เสนออีกบทบาทหนึ่ง
ผ่านนามปากกา “ดาวพลูโต”
เป็นดาวพลูโตที่แม้จะไกลสุดจักรวาล แต่เชื่อว่า “ดาวพลูโตมองดูโลก” คงจะมีระยะใกล้กับผู้อ่านมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะภูมิหลังของดาวพลูโต ที่เมื่อเอ่ยถึงแล้ว เชื่อว่าทุกคนในประเทศนี้ย่อมร้อง อ๋อ แน่นอน
แต่ “ดาวพลูโต” ขออนุญาตไม่ให้การ “อ๋อ” นั้นมาโน้มน้าวให้ชอบหรือไม่ชอบกับสิ่งที่เขียน
ขอให้ผลงานเป็นคำตอบ โดยในเบื้องต้นจะมาพบผู้อ่านฉบับเว้นฉบับ หรือเดือนละ 2 ครั้งก่อน
สําหรับคอลัมน์ “ดาวพลูโตมองดูโลก” ฉบับแรก
ดาวพูลโต ในฐานะคนรุ่นใหม่ โฟกัสไปยัง “มรดกคุณลุงทรัมป์”
มรดกที่ทิ้งไว้ในศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา
ที่ตอนนี้ สร้างความฮือฮาไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่สะเทือนไปทั่วโลก
เมื่อศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา ได้มีคำพิพากษาที่คนจำนวนมากเห็นว่าได้เขย่าหรือสะบั้นสิทธิเสรีภาพในการทำแท้งอันเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของหญิงลง
สะท้อนว่า แม้ลุงทรัมป์จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม
แต่มรดกชิ้นนี้ของคุณลุงทรัมป์ ยังมีอิทธิฤทธิ์สร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งโลกอยู่
อันชวนให้คิดเช่นเดียวกับที่คนรุ่นใหม่อย่าง “ดวงพลูโต” ชวนให้คิด
นั่นคือ
แล้วคุณลุงแถวบ้านเราล่ะ จะทิ้งมรดกอะไรไว้บ้าง? •