เผยแพร่ |
---|
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยเรื่องภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียนและเยาวชนในชนบทและพื้นที่ห่างไกล จึงทรงริเริ่มโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ในปี 2523 นำร่อง 3 โรงเรียนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนที่จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแก้ปัญหาเด็กนักเรียนขาดสารอาหาร สร้างเสริมภาวะโภชนาการและสุขภาพของเด็กที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร โดยมุ่งเน้นให้ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ร่วมกันทำการเกษตรในโรงเรียน เพื่อนำผลผลิตที่ได้มาประกอบเป็นอาหารกลางวัน รวมทั้งนักเรียนได้รับความรู้และทักษะด้านการเกษตรแผนใหม่ ก่อนจะขยายพื้นที่การดำเนินงานไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ
มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ซึ่งก่อตั้งโดยผู้บริหารและพนักงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ ฯ แก้ปัญหาโภชนาการของเด็กนักเรียนและเยาวชน มาดำเนินงานในรูปแบบ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” จากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2532 เพื่อมีส่วนเสริมสร้างโภชนาการที่ดีแก่เด็กและเยาวชนในชนบททุกภาคของประเทศไทย ผ่านกิจกรรมการเลี้ยงไก่ไข่ และนำผลผลิตไข่ไก่ มาประกอบอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ผลผลิตไข่ไก่อีกส่วนหนึ่งที่เกินจากการนำมาเป็นอาหารกลางวัน ถูกนำมาบริหารจัดการด้วยการจำหน่ายให้แก่ชุมชน มีรายได้จากการจำหน่ายไข่ไก่นำกลับมาหมุนเวียนเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการไปได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากผลผลิตไข่ไก่ที่เด็กๆได้รับประทานตลอดช่วงเปิดเทอมแล้ว มูลนิธิฯ วางโมเดลระบบบริหารจัดการโครงการฯ เพื่อให้แต่ละโรงเรียนสามารถดำเนินโครงการได้อย่างยั่งยืน และยังเป็นเสมือน“ห้องเรียนสังคม” หรือ Social Lab ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ ทั้งด้านการผลิต การจัดการการเลี้ยงไก่ไข่ในเชิงอาชีพ การเลี้ยงไก่ไข่ที่ถูกหลักวิชาการ เรียนรู้เรื่องของการจัดการผลผลิต การทำบัญชี ระบบสหกรณ์ รวมไปถึงการสร้างทักษะอาชีพ จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ นำไปเป็นทางเลือกอาชีพได้ในอนาคต โดยมีพี่ ๆ สัตวบาลจาก บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับครูและนักเรียน
มูลนิธิฯ ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน จากการสนับสนุนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภายใต้การดูแลของสำนักงานโครงการส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขยายผลไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. และสังกัดอื่น ๆ จนถึงปัจจุบัน เข้าสู่ปีที่ 33 มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ 880 โรงเรียน อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 231 โรงเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 342 โรงเรียน ภาคกลาง 138 โรงเรียน ภาคตะวันออก 56 โรงเรียน และภาคใต้ 113 โรงเรียน โดยมีซีพีเอฟเป็นภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุนโครงการ และหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ หรือ JCC-B (Japanese Chamber of Commerce -Bangkok) บมจ.สยามแม็คโคร หรือ Makro เน้นช่วยเหลือโรงเรียนในทุกภูมิภาคที่มีเด็กนักเรียนและเยาวชนมีปัญหาทุพโภชนาการ
ภายใต้หลักการในการบริหารจัดการโครงการ มีมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เป็นผู้บริหารจัดการโครงการและงบประมาณ อาทิ การสนับสนุนทุนก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ อุปกรณ์การเลี้ยง พันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ และปัจจัยการผลิต และร่วมกับซีพีเอฟคัดเลือกโรงเรียนถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิควิชาการการเลี้ยงไก่ไข่ พร้อมทั้งติดตามประสิทธิภาพการเลี้ยงของแต่ละโรงเรียน เพื่อร่วมแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที
ตลอด 32 ปีที่ผ่านมาของโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ส่งเสริมเด็กและเยาวชน 180,000 คน เข้าถึงโปรตีนคุณภาพ ได้บริโภคไข่ไก่เป็นอาหารกลางวันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 มื้่อ โรงเรียนฯ มีกองทุนสะสมเพื่อใช้หมุนเวียนในโครงการฯ เกิดความร่วมมือระหว่าง ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ชุมชนมีแหล่งเรียนรู้อาชีพเกษตรธุรกิจ รวมทั้งผลผลิตจากโครงการเอื้อประโยชน์ให้สมาชิกของ 1,972 ชุมชนรอบโรงเรียน สามารถเข้าถึงอาหารโปรตีนคุณภาพจากไข่ไก่สด สะอาดและปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม และการเลี้ยงไก่ไข่ยังเป็นอาชีพทางเลือกสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองด้วย
โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน ชุมชน เป็นโครงการที่มีโอกาสขยายผลไปสู่การสร้างเป็น Social Enterprise และสอดรับกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ ในข้อ 2 – Zero Hunger ขจัดความหิวโหย และ ข้อ 3 Good health and well-being สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย