ทุกวันนี้…การสูญเสียอาหารและขยะอาหารทั่วโลกมีประมาณ 1.3 พันล้านตันต่อปี องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) รายงานว่า การสูญเสียดังกล่าว คิดเป็น 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตเพื่อการบริโภคของประชากรโลก ซึ่ง 61% เป็นการสูญเสียจากภาคครัวเรือน และยังเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) จากการนำเศษอาหารไปฝังกลบ ก่อให้เกิดก๊าซมีเทนและมีผลโดยตรงต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน 

 

อีกด้านหนึ่ง อาหารส่วนเกินเหล่านั้น คือ โอกาสในการบริโภคเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ขาดแคลนในอีกหลายประเทศ วิธีที่ง่ายที่สุดและใกล้ตัวเราที่ช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงอาหาร คือ การบริโภคอย่างรู้คุณค่าและพอเพียง ไม่เหลือทิ้ง ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างสมดุลธรรมชาติ แต่ยังสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

“อาหารมั่นคง” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ความยั่งยืน 3 เสาหลัก ที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ดำเนินการควบคู่กับ เสาหลักด้าน “สังคมพึ่งตน” และ “ดิน น้ำ ป่า คงอยู่” ตามนโยบายการผลิตอาหารปลอดภัย ด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สู่การบริโภคอย่างยั่งยืน

ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” โดยนำกลยุทธ์ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้กับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าใช้ทรัพยาการเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทฯมุ่งมั่นเดินหน้านโยบายการจัดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร (Food Loss & Food Waste Policy) อย่างต่อเนื่อง  มีเป้าหมายลดการสูญเสียอาหารในห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวและลดปริมาณขยะอาหารในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นศูนย์ในปี 2573 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ข้อที่ 12.3 ที่รณรงค์ให้ทั่วโลกร่วมมือกันลดขยะอาหารลง 50% ต่อหัวในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค ในปี 2573 เช่นเดียวกัน

ล่าสุด ซีพีเอฟ ริเริ่มโครงการ “Circular Meal…มื้อนี้เปลี่ยนโลก” โดยร่วมมือกับมูลนิธิสโกลาร์ส ออฟ ซัสทีแนนซ์ (ประเทศไทย) หรือ SOS หรือ มูลนิธิรักษ์อาหาร และบริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด หรือ GEPP ในการนำอาหารส่วนเกินคุณภาพดี ทั้งวัตถุดิบและอาหารแช่แข็งไปส่งมอบให้กับชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร นำไปปรุงอาหารสำหรับคนในชุมชน เป็นโครงการ Food Rescue สร้างระบบกระจายอาหารคุณภาพดี บนพื้นฐานมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร  ขณะเดียวกัน เป็นการปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนแยกขยะอย่างถูกต้องจากบรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหาร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า        

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ  กล่าวว่า โครงการ “Circular Meal…มื้อนี้เปลี่ยนโลก” สนับสนุนการนำอาหารส่วนเกินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน   ซึ่งโครงการนี้  มีเป้าหมายส่งมอบอาหาร ตลอดปี 2564 จำนวน 10,000 ชุด ให้กับผู้ด้อยโอกาสและขาดแคลนอาหาร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมานี้   โครงการฯ มอบอาหารกว่า 7,600 ชุด ให้กับมูลนิธิเด็ก ผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อยและผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 จำนวน 6 แห่ง มีสมาชิกกว่า 5,000 คน ประกอบด้วย ชุมชนอ่อนนุช 14 ไร่ ชุมชนคลองส้มป่อย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนมักกะสัน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนสวนรื่น ศูนย์สร้างโอกาสพระราม 8 และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก เพื่อส่งต่อให้กับชุมชนดวงแข ตรอกสลักหิน  รวมทั้งชุมชนกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยอีก 7 ชุมชน ผ่านการปรุงอาหารจากครัวรักษ์อาหาร ของ SOS เช่น ชุมชนบ้านครัวเหนือ ชุมชนคลองส้มป่อย ครัววัดแข ครัววัดโสม ครัววัดภาชี เป็นต้น 

ซีพีเอฟ ยังได้รณรงค์ให้ผู้บริโภคเก็บและคัดแยกบรรจุภัณฑ์ เช่น ถุงพลาสติกจากการมอบอาหารของโครงการฯ กว่า 3,000 ชิ้น ส่งให้กับ GEPP เพื่อนำไปจัดการตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ การนำไปสร้างประโยชน์ใหม่ (Upcycling) ตัดวงจรขยะลงสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งสามารถลดขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบได้แล้วกว่า 1.8 ตัน ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 3,441 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า     

นอกจากนี้  ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหาร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยตั้งแต่เกิดวิฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน  บริษัทฯ ส่งมอบอาหารพร้อมรับประทานเพื่อบุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพก รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรสสำหรับนำไปปรุงอาหารแก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน จุดตรวจโควิดเชิงรุก และหน่วยงานต่างๆ มากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ  สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ร่วมเคียงข้างคนไทย และพร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน