E-DUANG : “พัฒนาการ” โซเชียล มีเดีย ความหวาดกลัว ของ รุ่นเก่า

อย่าคิดว่า การออกมาเปิดโปงกระบวนการ IO ของ “พี่ลิซ่า” ภัคมน หนุนอนันต์ จะดำเนินไปอย่างว่างเปล่า ไม่ส่งผลใดๆในทางการเมือง

ถามว่าจะวัดและประเมินผลสะเทือนของปฏิบัติการครั้งนี้อย่างไร

ตอบได้เลยจากเสียงขานรับ ปฏิกิริยาตอบโต้

เหมือนกับกรณีของ”หมอเก่ง วาโย” เมื่อเปิดการแถลงในเหตุอันเกิดขึ้นกับ”ผู้ต้องโทษ”แห่งโรงพยาบาลตำรวจกับโรงพยาบาลอื่น ด้วยความสุภาพ นิ่มนวล

ทั้งๆที่มิได้ระบุว่าเป็น”ผู้ต้องโทษ”คนใด ไม่ว่าจะเป็นของโรง พยาบาลตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นของโรงพยาบาลราชวิถี แต่สังคมสรุปได้อย่างเป็นเอกภาพว่าหมายถึงใคร

แรงสะเทือนลึกซึ้งอย่างยิ่งจนต้องมีการขุดข่าวตั้งแต่ หมอเก่ง วาโย ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ขึ้นมา”บิด”เพื่อด้อยค่ำทำลายอย่างร้อนแรงรีบร้อน

แล้วกรณีของ พี่ลิซ่า ภัคมน เล่าแรงสะเทือนจะเทียบเท่ากับ

พี่กาย บางขุนเทียน พี่วิโรจน์  ก้าวไก่ ได้เพียงใด

เรื่องนี้ต้องดูทั้งจากฝ่ายที่”ชอบ” ทั้งฝ่ายที่”ชิงชัง”รังเกียจ

 

ต้องยอมรับว่าปฏิบัติการของพี่ลิซ่า ภัคมน แม้ไม่ถึงขันบุกเข้าไปทลาย”รัง IO”ในระนาบเดียวกันกับ พี่กาย บางขุนเทียน และระนาบเดียวกันกับพี่ วิโรจน์ ก้าวไก่

แต่การลากออกมาทั้งขบวนการ I BOT และเส้นทางการบรีฟของเส้นทาง”นางแบก”ถือว่าลากมาทั้งยวง

ยิ่งที่กดไลค์ข้ามประเทศจากเวียดนาม ยิ่งวิลิศมาหราและจับโป๊ะได้ไม่ยาก เมื่อประสานกับปฏิกิริยาของแต่ละ”แบก”ที่ออกโรงเพื่อขวางต้านก็จะยิ่งชัดเจน

ชัดเจนในความไร้อารมณ์ของ I BOT ชัดเจนในความหงุดหงิดถึงขั้นงุ่นง่านของบรรดา”แบก”

ยิ่ง พี่ลิซ่า ภัคมน ได้รับเชิญออกไปขยายความต่อในหลาย รายการของโซเชียล มีเดีย ยิ่งสัมผัสได้ในความตื่นตัวที่จะรับรู้และอยู่กับบรรดา BOT และ”แบก”อย่างรู้เท่าทัน

ไม่ว่าในบรรยากาศ PM ไม่ว่าในบรรยากาศ เมียนมา

 

ภาวะการดิ้นที่กลายเป็นภาพเปรียบเทียบอย่างสำคัญมาจากแต่ละน้ำเสียงในที่ประชุม 250 สมาชิกวุฒิสภาต้องการสกัดบางพรรคการเมือง ต้องการสกัดพัฒนาการ

นั่นก็คือสกัดพัฒนาการของ”เทคโนโลยี”ที่มีผลทำให้โซเชียล มีเดีย เข้ามากุมและกำหนดทิศทาง นั่นก็คือสกัดพัฒนาการของ“พรรคการเมือง”ที่ไต่ไปกับยอดคลื่นแห่ง”โซเชียล มีเดีย”

อาศัยรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือ อาศัยการยุบสภามาเป็นอาวุธทุกครั้งที่แพ้การเลือกตั้ง