| เผยแพร่ |
|---|
บรรยากาศอย่างที่เห็นจากงานเลี้ยงต้อนรับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และคณะที่สวิตเซอร์แลนด์ หรือเมื่อปรากฏตัวในงานสัปดาห์ หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
เป็นบรรยากาศ”พิเศษ” มีลักษณะ”เฉพาะ”และดำเนินไปอย่างมีลักษณะเป็น”ธรรมชาติ”
เกิดขึ้นกับ”พรรคก้าวไกล” เกิดขึ้นกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
มีความแตกต่างเป็นอย่างมากกับบรรยากาศที่แวดล้อมเมื่อมีการปรากฏตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงการปรากฏตัวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ไม่เพียงแต่แตกต่างในเรื่อง”วัย”ของคนที่เข้าไปร่วม หากยังแตกต่างด้วย”รากฐาน”อันทำให้มีการเข้าร่วมอย่างแหลมคมจนยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้
บรรยากาศที่แวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ ดำเนินไปอย่างเป็น”พิธีการ พิธีกรรม” นั่นก็เนื่องจากมีรากฐานการเกณฑ์ผ่าน”ระบบราชการ”
เมื่อเป็นระบบราชการ จึงคับคั่งด้วยข้าราชการผู้ใหญ่ ที่เป็นผู้น้อยหรือเป็นประชาชนก็มาเพราะถูกบังคับกะเกณฑ์
ตรงกันข้าม กับเมื่อไปร่วม”ก้าวไกล”เป็นความสมัครใจ
ทุกครั้งที่มีการพบประชาชน จึงสร้างความแตกต่างระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ นายพิธา ลิ้ม เจริญรัตน์ เหมือนกับอยู่คนละโลก
โลกของคนหนึ่งแวดล้อมด้วย”ข้าราชการ” แวดล้อมไปด้วยคนสูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นหญิง ไม่ว่าจะเป็นชาย
หาคนหนุ่มคนสาวยากเป็นอย่างยิ่งหรือแทบไม่มีเลย
ตรงกันข้าม ที่แวดล้อมอยู่โดยรอบคนของพรรคอนาคตใหม่ คนของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า จะเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ล้วนเป็นคนหนุ่มสาว
บรรยากาศจึงเป็นเหมือนหนังคนละม้วน ท่าทีในการขานรับ และให้ความร่วมมือจึงดำเนินไปเหมือนกับเป็นบทเพลงคนละบทเพลง
บรรยากาศเหล่านี้ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลัง ประชารัฐ มีความแตกต่างไปจากพรรคก้าวไกลโดยพื้นฐาน
ภาพเปรียบเทียบระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงดำรงอยู่เหมือนกับเป็น”ตัวอย่าง”
ตัวอย่างให้เปรียบเทียบกับ”นายกรัฐมนตรี”คนอื่นๆ
การดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลจึงเป็นการดำรงอยู่บนความ ต่างกับแทบทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ
คำถามอยู่ที่ว่าจะมีพรรคการเมืองใดสามารถสร้างภาพใหม่ อันทำให้ภาพพรรคก้าวไกลพลัดหล่นไปจาก”กระแส”ได้
