E-DUANG : ผลสะเทือน โลก “โซเชียล” กระทบ คะแนน “เลือกตั้ง”

คำท้าทายในเรื่องลงสู่”ท้องถนน”เด่นชัดยิ่งว่าไม่ประสบความสำเร็จอีกต่อไปแล้ว

ไม่ว่าจะจากเรื่อง”ชั้น 14” ไม่ว่าจะจากเรื่อง”ยุบพรรค”

แรกที่มีความพยายามจุดประเด็นจากคนซึ่งเคยเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คนซึ่งเคยเป็นมวลมหาประชาชน กปปส. ต่อกรณี”ชั้น 14”

ไม่ว่าการนัดหมายหน้าโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ว่าการนัดหมายหน้าทำเนียบรัฐบาล

มีคนไปร่วมน้อยมาก น้อยอย่างยิ่งถึงขั้น”จุดไม่ติด”

เมื่อผ่านการอ่านคำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้งรับลูกด้วยการชงยุบพรรคก้าวไกลชู้ตไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

มีความพยายามท้าทายให้บรรดา”ด้อมส้ม”ว่าถึงเวลาเหมาะ สมแล้วที่จะสร้างปรากฎการณ์ทางการเมืองในลักษณะเดียวกันกับสถานการณ์ยุบพรรคอนาคตใหม่ในปี 2563

ทุกอย่างกลับกลายเป็นความเงียบ ไม่มีการนัดหมายไม่ว่าที่แยกราชประสงค์ ไม่ว่าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ถามว่าแล้วความหงุดหงิดไม่พอใจสะท้อนออกอย่างไร

 

ตัดจากคำแถลงด้วยเหตุด้วยผลไม่ว่าจะมาจาก นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะมาจาก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกลแล้ว

ยังมีบางคำพูดจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังมีหลายคำพูดจาก นส.พรรณิการ์ วานิช

แต่ไม่มีใครระบุถึงสถานการณ์ในแบบที่เกิดในปี 2563

ตรงกันข้าม ทุกคำแถลง ทุกคำพูดอันมาจากแต่ละองค์ประ กอบภายในพรรคก้าวไกล กลับปรากฏเป็นคลิป กลับมีการเผยแพร่ผ่านแต่ละช่องทางของโลกออนไลน์

เป็นความคึกคักอันสามารถเห็นและรับฟังได้ผ่านติ่กต่อก ยิ่งทวิตเตอร์ถึงกับ#ยุบพรรคก้าวไกลติดอยู่ในอันดับ 1 ควบคู่ไปกับเทรนด์ #ศาลรัฐธรรมนูญ

เด่นชัดว่าการเคลื่อนไหวมิได้อยู่ที่”ราชประสงค์” มิได้อยู่ที่”ราชดำเนิน” หากแต่เป็น”โซเชียล มีเดีย”

 

ไม่ว่าการเคลื่อนไหวเมื่อปี 2563 ต่อการยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในปี 2567 ก่อนการยุบพรรคก้าวไกล

น้ำเสียงการประเมิน”ออนไลน์”เปี่ยมด้วยอารมณ์”เสียดสี”

เป็นการเสียดสีผ่านวาทกรรมที่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

เป็น”นายกโซเชียล” เป็นการเสียสีผ่านวาทกรรมที่ว่า นายพิธา ลิ้ม เจริญรัตน์ เป็น”นายกว่าว”

แต่ดูเหมือนว่ากว่า 6 ล้านเสียงที่เทให้พรรคอนาคตใหม่ กว่า 14 ล้านเสียงที่เทให้พรรคก้าวไกลเป็นเรื่องจริง อย่างชนิดจริงแทร่