E-DUANG : ภาพการเมือง แห่งการเปลี่ยน ด้วยอัตราเร่ง ที่รวดเร็ว รุนแรง

การบี้เบียดคะแนนนิยมระหว่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ นส.แพทองธาร ชินวัตร หรือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นเรื่องธรรมดาอย่างปรกติยิ่งในทางการเมือง

เนื่องจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และดำรงอยู่ในสถานะแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี

ขณะที่ นส.แพทองธาร ชินวัตร เคยเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและดำรงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี

นี่ย่อมเป็นสถานะอย่างเดียวกันกับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งพรรคภูมิใจไทยดำรงอยู่

แต่การที่เมื่อมีการเปิดพื้นที่ ป็อบปูล่าร์ ออฟ เดอะ เยียร์ 2024 ขึ้นมาโดยผู้ที่ได้คะแนนนำลิ่ว ณ วันที่ 5 มีนาคม เป็น ลิซ่า มโนบาล สูงถึงร้อยละ 31.8

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กลับได้รับการโหวตด้วยคะแนนร้อยละ 21.7 กวด ลิซ่า มโนบาล มาติดๆ

ทั้งๆที่คนหนึ่งเป็น”นักร้อง” อีกคนหนึ่งเป็น”นักการเมือง”

หรือว่าฐานคะแนนเสียงของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำเนินไปในลักษณาการเดียวกันกับของ”นักร้อง”

 

สถานะและการดำรงอยู่ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงสร้างความแตกต่างเป็นอย่างสูง ไม่เพียงแต่เมื่อเทียบกับ นส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล

หากเป็นความแตกต่างแม้กระทั่งกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรือง กิจ หรือ นายชัยธวัช ตุลาธน

เพราะในความเป็น”นักการเมือง”มีความเป็น”ดารา”อยู่

หากใครติดตามการเคลื่อนไหวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตั้งแต่อยู่บนเวทีสามย่าน มิตรทาวน์ ก่อนการเลือกตั้งจนมาถึงเมื่อเดินทางไปเปิดตัว”ว่าที่”นายกอบจ.

ก็จะสัมผัสได้ในความต่างเพราะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้แปรเวทีทางการเมืองให้ดำเนินไปเหมือนเวทีคอนเสิร์ต นำเอาความคึกคักแบบ”คอนเสิร์ต”มาเสริมทาง”การเมือง”

คะแนนและความนิยมต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงมิได้เป็นเรื่องของ”การเมือง”หากแต่เป็นเรื่องของ”วัฒนธรรม”

 

หากมองในเชิงนวัตกรรมภาพอันเห็นผ่าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงเป็นภาพของการเมืองแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เปลี่ยนจากยุค”กิจสังคม” เปลี่ยนจากยุค”ไทยรักไทย”

เปลี่ยนจากยุค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เปลี่ยนจากยุค นายทักษิณ ชินวัตร และทะยานไปสู่ยุคของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยุคของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

เป็นการเปลี่ยนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นการเปลี่ยนด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็วอย่างนึกไม่ถึง