E-DUANG : คำถาม ถึงอำนาจ “3 ป.” คำถาม ถึงคำพูด เพื่อไทย

อะไรทำให้การจับมือระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย กับพรรครวมไทยสร้างชาติ และกับพรรคพลังประชารัฐ และกับพรรคชาติไทยพัฒนา กลายเป็นปัญหา

ทั้งๆที่มองผ่านสีหน้าและแววตาของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง มีความสุขยิ่ง

ทั้งๆ ที่มองผ่านสีหน้าและแววตาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายวราวุธ ศิลปะอาชา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ล้วนเปี่ยมด้วยความหวัง

หากจะมีความแคลงคลางกังขาและตั้งคำถามในเชิงไม่เห็นด้วยก็มีแต่เพียง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็มีแต่ นายจตุพร พรหม พันธุ์ และรวมถึงข้อสังเกตจาก น.ต.ศิธา ทิวารี

คนเหล่านี้อาจจะเสียงดังและมีคนติดตามรับฟังความเห็นอยู่ เป็นจำนวนมาก แต่ก็แทบไม่มีผลอะไรมากนักต่อการตัดสินใจที่เป็นจริงในทางการเมือง

พรรคเพื่อไทยก็คงไม่ฟังอยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ ก็ยิ่งทำเป็นหูทวนลม

แล้วปัจจัยอะไรที่อาจทำให้พรรคเพื่อไทยต้องงันชะงัก

 

เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่สบายใจที่จะต้องตัดพรรคก้าวไกลออกไปจากสมการทางการเมืองกระนั้นหรือ เพราะพรรคก้าวไกลโดยพื้นฐานก็มี 151 ส.ส.อยู่ในมือ

เป็นพรรคอันดับ 1 เป็นพรรคที่มีคะแนนมากถึงกว่า 14 ล้านเสียง มากกว่าพรรคเพื่อไทย 10 กว่าล้านเสียงและ 141 ส.ส.

อาจเป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ที่สำคัญมากกว่าอยู่ที่”ความจริง”

ความจริงที่ไม่อาจมองข้ามก็คือ ความจริงที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นพรรคของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

แม้ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะวางมือทางการเมืองไปแล้วโดยพื้นฐาน   กระนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังอยู่

คำประกาศก่อนวันที่ 14 พฤษภาคม จึงกังวานกึกก้อง

 

เพียงเห็นเงาร่างของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  เดินเข้าพรรคเพื่อไทย เพียงเห็นเงาร่างของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินเข้าพรรคเพื่อไทย

สายตาของสังคมก็ทอดมองด้วยความแคลงคลางกังขา

เมื่อภาพเหล่านี้ประสานกับภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสุวัจน์ ลิตปพัลลภ นายวราวุธ ศิลปะอาชา ยิ่งก่อให้เกิดเป็นคำถามตามมา

เป็นคำถามถึงรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นคำถามถึงการสืบทอดอำนาจทางการเมือง