E-DUANG : เบื้องหน้า “น้ำตา” พิธา ลิ้ม มีทั้ง เห็นใจ ทั้ง ความสะใจ

ทำไมภาพข่าวที่เข้าใจกันว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลัง”หลั่งน้ำ ตา” จึงได้เป็นมีมและแพร่กระจายกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วในโลกแห่งโซเชียล

1 มาจากสถานะของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เองที่ดำรงอยู่ในจุดอันเป็นความสนใจของสังคม

1 สถานะนี้ก่อให้เกิด 2 กระแสแห่งอารมณ์ ความรู้สึก

ยอมรับเถิดว่า ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยนับแต่ก่อรูปขึ้นก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ได้ดำรงอยู่อย่างยาวนาน

ผ่านรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ผ่านการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 ผ่านการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566 ก็ยังดำรงอยู่อย่างชนิดแพร่กระจาย

จึงไม่แปลกที่เมื่อเข้าใจว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลัง”หลั่งน้ำตา” ก็ย่อมจะสงสาร เห็นอกเห็นใจ ยิ่งรับฟังบางถ้อยคำที่ว่า

“ผมได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ใจคอจะผลักผมไปเป็นฝ่ายค้านจริงๆเหรอครับ”

ยิ่งบังเกิดความเวทนา แทบจะ”หลั่งน้ำตา”ไปด้วย

 

กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าภายในสังคมไทยก็มีความไม่พอใจต่อชัยชนะของพรรคก้าวไกล ชัยชนะของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงอยู่ในลักษณะคู่ขนาน

ลองฟังคำปราศรัยของ นายประพันธ์ คูณมี ก็จะประจักษ์ ลองฟังคำปราศรัยของ นายสมชาย แสวงการ ก็จะแจ่มแจ้ง

ยิ่งความพร้อมที่จะเป็น”โจร”ของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ยิ่งชัดแจ้ง เพราะเป็นโจรที่มีความรักชาติ เพราะเป็นโจรที่เปี่ยมด้วย ความจงรักภักดี

ฝ่ายที่ชมชอบคำปราศรัยในแบบ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ของ นายประพันธ์ คูณมี ของ นายสมชาย แสวงการ ก็ย่อมจะสะสาแก่ใจเมื่อเห็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีอันต้อง”หลั่งน้ำตา”

พลันที่เข้าใจว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีอันต้อง”หลั่งน้ำตา” จึงกลายเป็นคำถาม จึงกลายเป็นไวรัลทั้งเห็นใจและสะใจ

 

สถานการณ์นับแต่การประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 กรกฎาคมจึงเป็นอีกจุดตัดใหญ่ในลักษณะก่อให้เกิด”เส้นแบ่ง”ในทางความคิดและในทางการเมืองต่อชะตากรรมพรรคก้าวไกล และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

เพราะเป้าหมายมิได้อยู่ที่การผลักให้พ้นไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากแต่ยังต้องการกดดันให้พ้นไปจากการร่วมอยู่ในรัฐบาล

เหมือนที่มีบางคนเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้พรรคก้าวไกล”เสียสละ”ไปเป็น”ฝ่ายค้าน”