ยิ่งมีการเปิดถึงเส้นทางของ”ตูห่าว”และเหล่ามาเฟียจากจีน ยิ่งมีการเปิดถึงเส้นทางของ”ตุนมินลัต”และโครงสร้างการดำเนินธุรกิจสีเทาจากเมียนมาร์

ยิ่งทำให้เห็นถึงเส้นทางและความจำเป็นที่”ธุรกิจสีเทา”จะต้องเข้าไปสร้างเครือข่ายผ่านพรรคการเมือง

เพราะเมื่อเป็นพรรคการเมืองหมายถึงการเข้ากุม”อำนาจ”

เพียงเห็นชื่อของบุคคลบางคนในโครงสร้างแห่ง”มาเก๊า888”ที่ไปปรากฏในรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนก็ร้องอ๋ออย่างพร้อมเพรียงกัน

เพียงเห็นชื่อของบุคคลบางคนในโครงสร้างแห่ง”ตู้ห่าว”ไปปรากฏในรายชื่อผู้บริจาคเงินให้กับพรรคพลังประชารัฐก็สัมผัสได้ ในสายสัมพันธ์ที่ลากดึงเข้ามา

เพียงเห็นชื่อของบุคคลบางคนในเครือข่ายแห่ง”ตุนมินลัต”เป็นเจ้าของที่ดินบนเนื้อที่ 2 งาน 17 ตารางวาง ในซอยอารีย์ 5 คือสำนักงานพรรครวมไทยสร้างชาติก็สว่างแจ้งแดงโร่

สว่างแจ้งแดงโร่ในรากฐานของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพรรคประชาธิปัตย์ และของพรรคพลังประชารัฐ

เช่นนี้เองการจัดการกับ”ธุรกิจสีเทา”จึงยอกย้อนซ่อนเงื่อน

 

ความสงสัยที่ปะทุขึ้นในความรู้สึกก็คือ เมื่อเงาสะท้อนปรากฏออกมาเช่นนี้ ความสัมพันธ์ ยึดโยงระหว่างพรรคการเมืองกับธุร กิจสีเทาจึงได้กลายเป็นกรณีตัวอย่าง

ตัวอย่างของการสร้างเครือข่าย ความสัมพันธ์และยืนยันจุดมั่นของพรรคการเมืองนั้นว่าเป็นอย่างไร

ที่เรียกว่าเป็น”สถาบัน”ก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว ว่ารากฐานของสถาบันจะอยู่กับธุรกิจสีเทาหรือไม่ ที่เรียกว่าเป็นทหารกุมอำนาจมาต่อเนื่องก็ไม่แน่ใจว่ารากฐานการข่าวจะหนักแน่นเพียงใด

พรรคพลังประชารัฐไม่รู้เลยหรือว่าเงิน 3 ล้านบาทที่บริจาคเป็นเงินที่ได้มาแบบไหน พรรครวมไทยสร้างชาติไม่รู้เลยหรือว่าสำ นักงานของตนเกาะเกี่ยวอยู่กับธุรกิจแบบไหน

เมื่อมองว่าคนที่กุมอำนาจพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติมีรากฐานจากกองทัพและรัฐประหารก็ยิ่งแคลงคลางใจ

 

ความแคลงคลางกังขาอันเริ่มจาก”ธุรกิจสีเทา”ได้กลายเป็นคำถามใหญ่ในทางสังคม ไม่เพียงอยู่ในใจของผู้มีสิทธิในการเลือกตั้งเท่านั้น

หากแต่ยังถามไปยังแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแหลมคม

พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา จะคิดอย่างไรกับการร่วมมือกันกับพรรคพลังประชารัฐ กับการร่วมมือกันกับพรรครวมไทยสร้างชาติ