ข่าวลืออันเกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของ สีเจิ้นผิง สะท้อนนัยยะอะไร

1 สะท้อนสภาพการดำรงตำแหน่ง 1 สะท้อนสภาพสังคมจีน

หากทบทวนกระบวนการข่าวลือในจีนไม่ว่าในห้วงแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรม ไม่ว่าในห้วงแห่งการ”ล่วง”ไปของเหมา ไม่ว่าในห้วงแห่งการหวนคืนมาของเติ้ง

ล้วนดำเนินไปในลักษณาการเดียวกันกับกรณีของสี เจิ้นผิง นั่นก็คือ เริ่มต้นจากการซุบซิบ เริ่มต้นจากความสงสัย แพร่กระจายไปยังสื่อกระแสหลัก

นั่นก็เพราะสังคมจีนเป็นสังคม”ปิด”ในเรื่องของข่าวสารและข้อมูล ทุกอย่างจึงดำเนินไปในลักษณะที่ว่ายิ่งปิด ยิ่งต้องการเปิด ต้องการรู้

ตรงนี้แหละเป็นช่องทางให้”ข่าวลือ”ในลักษณะซุบซิบแสดงบทบาทออกมา

เป็นบทบาทของทุกสังคมที่ขาดบรรยากาศ”ประชาธิปไตย”

ขณะเดียวกัน เนื้อดินอันโอชะเป็นอย่างยิ่งคือความต้องการที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่งอย่างชนิดตราบนิจนิรันดร์

นั่นก็คือ ต้องการเป็น”ผู้นำ”ตลอดกาล

 

การดำรงอยู่ของ”ผู้นำ”ในแบบของสี เจิ้น ผิง เช่นนี้เห็นได้จากในกรณีของเกาหลีเหนือ และรัสเซีย ไม่ว่าจะมองผ่านคิมจองอึน ไม่ว่าจะมองผ่านปูติน

ทั้งๆที่จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ มีพื้นฐานมาจากการเป็นประเทศคอมมิวนิสต์

ถือได้ว่าก้าวพ้นจากระบอบศักดินาสวามิภักดิ์มาแล้ว

แต่กระบวนการดำรงตำแหน่งก็พยายามจะทำให้สามารถยื้อเวลาให้ยาวนานไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด อันเท่ากับย้อนกลับและแตกต่างจากประเทศประชาธิปไตยอารยะอื่นๆ

จุดตรงนี้ทำให้การดำรงตำแหน่งไม่เพียงแต่สวนทางกับความเป็นจริง หากแย้งกับสภาพการณ์ในทางความคิด นับวันความขัดแย้งยิ่งปรากฏและแสดงตัวออกมา

โดยพื้นฐานที่สุดก็ก่อให้เกิดกระบวนการ”ข่าวลือ”

 

สภาพการณ์อันเกิดขึ้นที่จีน แหล่งที่มาของข่าวลืออาจเป็นอินเดีย อาจเป็นไต้หวัน ซึ่งถือว่ามีสายสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรเท่าใดนักกับจีน

น้ำหนักของ”ข่าว”จึงถูกลดทอนไปบ้าง

กระนั้น เมื่อสำรวจอย่างอิงอยู่กับความเป็นจริงของสังคมจีนและความปรารถนาลึกๆของสีเจิ้นผิงเองก็สามารถเข้าใจได้

และเชื่อได้เลยว่าข่าวลือจะยังปลิวว่อนอยู่อีกเรื่อยไป