หากจับจากปฏิกิริยาของนายทหารใหญ่ที่บังเกิดความถวิลหาถึง บทเพลง”หนักแผ่นดิน” กระทั่งเกิดความริเริ่มให้สถานีวิทยุ สถานี เสียงตามสาย นำมาเปิดอย่างคึกคัก

ก็ต้องยอมรับว่า การเคลื่อนไหวในทาง”ความคิด”ของพรรค อนาคตใหม่ประสบผลสำเร็จ

เมื่อ “ความคิด”ถูกแปรเป็น “นโยบาย”

ไม่เพียงแต่นโยบายของพรรคอนาคตใหม่ หากแต่ยังปรากฏผ่านนโยบายของพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ

และนำไปสู่ข้อเสนอตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลงร้อย ละ 10 อย่างเป็นรูปธรรม

เท่านั้นแหละเพลง”หนักแผ่นดิน”ก็ดังกระหึ่ม

 

น้ำเสียงค่อนขอดอันสนั่นหวั่นไหวในโลกออนไลน์ก็คือ ข้อเสนอตัด งบประมาณกระทรวงกลาโหมร้อยละ 10 อันมาจากพรรคเพื่อไทย เท่ากับเป็นการเดินเหยียบชามข้าวของบางกลุ่มบางฝ่าย

จึงไม่เพียงแต่พรรคพลังประชารัฐจะออกมาปกป้อง หากพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็กางขา ผวาปีก โอบอุ้ม

เท่ากับยืนยันพลานุภาพแห่ง”ความคิด”ว่าล้ำลึกเพียงใด

พรรคอนาคตใหม่ประกาศตั้งแต่เริ่มก่อรูปพรรคขึ้นเมื่อเดือน มิถุนายน 2561 มาแล้วว่า เป้าหมายเฉพาะหน้าของพรรคคือการ ปักธงในทาง “ความคิด”

เป็นการปักธงในทาง”ความคิด” เพื่อนำไปสู่ “อำนาจนำ”ในทางสังคม

เหมือนกับคำขวัญ “อนาคตเรากำหนดเอง”

หากประเมินผลจากอุดมการณ์อันกำหนดวางเอาไว้อย่างหนักแน่นแน่นและจริงจัง ปฏิกิริยาในทางสังคมที่สำแดงผ่านบท เพลง”หนักแผ่นดิน”คือรูปธรรม

รูปธรรมอันยืนยันผลสะเทือนในทางความคิดอย่างเป็นจริง

 

ยิ่งนำเอา“ปฏิกิริยา”อันมาจากคนในแวดวงที่เคยร่วมกับพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และคนที่เคยร่วมกับกปปส.มาตรวจ สอบ ยิ่งเด่นชัด

เด่นชัดใน “ผลงาน” และ “ความสำเร็จ”ในการกระตุกต่อมใน ทาง “ความคิด”

ยิ่งดิ้นเหมือนหนอนต้องขี้เถ้า ยิ่งตอกย้ำและยืนยัน

การต่อสู้ในสมรภูมิ”ความคิด”จึงสำแดงผ่าน”การเมือง”เช่นนี้