เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าการหยิบยก “พิน็อกชิโอ”ขึ้นมาในเชิงอุปมา ไม่ว่าการหยิบยก “เด็กเลี้ยงแกะ” ขึ้นมาในเชิงอุปมา
สะท้อนวัฒนธรรมตะวันตก
เด็กเลี้ยงแกะมีรากฐานมาจากนิทานอีสป พิน็อกชิโอรับรู้ผ่านภาพยนต์อันเป็นผลผลิตของ วอล์ท ดิสนีย์
มาจาก “ต่างแดน” ก็จริง
แต่ก็อยู่ในความรับรู้ของคนไทยเหมือนกับเป็นพี่เป็นน้อง เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง
เปรียบเปรยว่าเป็นคนชมชอบในการ “โกหก”
เมื่อเอ่ยเตือนว่า “อย่าทำตัวเป็นพิน็อกชิโอ” ก็รู้ว่าหมายถึงอะไร เมื่อเอ่ยเตือนว่า “อย่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ” ก็รู้ว่าหมายถึงอะไร
ไม่จำเป็นต้องเล่าย้อนไปยัง “เรื่องเดิม”
การนำเอาภาพลักษณ์หรือนิยามแห่ง “พิน็อกชิโอ” มาอุปมาอุปมัยในทางการเมืองมิได้เพิ่งเกิดขึ้น
เกิดขึ้นมานานแล้ว
สำหรับคนที่ชอบพูดในเรื่องไม่จริง ชาวบ้านทั่วไปมองว่าเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้
บางครั้งก็ระบุว่าเป็นคนชอบ “โกหกคำโต”
ที่กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยใหม่ และกลุ่มมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสรี
งัดเอาหน้ากากพิน็อกชิโอมาเป็นเครื่องมือจึงมิได้เป็นเรื่องใหม่
นักเขียนภาพล้อหลายคนก็เคยใช้วิธีการเสียดสีในแบบนี้
พลันที่ต่อจมูกของใครให้ยาวออกไปจากปกติก็รับรู้กันว่าต้องการล้อเลียนในเรื่องอะไร
นั่นก็คือ เห็นว่าชอบโกหก และเชื่อถือไม่ได้
มีนักการเมืองจำนวนไม่น้อยเคยถูกล้อเลียนในแบบต่อจมูกให้ยาวเหมือนพิน็อกชิโอ
ที่เมื่อโกหก 1 ครั้งก็ยาวออกไป หลายครั้งก็ยิ่งยาว
เป็นเรื่องล้อกันสนุกสนาน สร้างความอับอายและเท่ากับเป็นตราประทับให้กับคนที่ถูกนิยาม
ประเด็นขึ้นอยู่กับว่าเป็นการล้อบนฐานความจริงหรือไม่
ประเด็นขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเสนอภาพจมูกยาวให้กับใครจะสอดรับกับอารมณ์ความรู้สึกอันเป็นบทสรุป “ร่วม” หรือไม่
หากชาวบ้านเห็นด้วยก็ร้องเฮกันเท่านั้นเอง