กรณีการขุดคุ้ยความสัมพันธ์ระหว่าง ต่าย ชุติมา กับ ทิม พิธา เพื่อรื้อฟื้นและเล่นงาน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังเป็นบทเรียน

“ด้านกลับ”ในทางการเมือง เป้าหมายของคนที่ขุดคุ้ยและหยิบยกเรื่องนี้มากระพือฮือโหมเพื่อประจานอย่างแน่นอน เด่นชัด

เหมือนอย่างนักการเมืองบางคนพูดหรือโพสต์ในลักษณะลอยตามสายลมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พูดถึงคำใหญ่คำโตใน เรื่องความเสมอภาคทางเพศ

แต่ในความเป็นจริงกลับตกเป็นข่าวอื้อฉาวในเรื่องทำร้ายภรรยา ไม่สามารถรักษาชีวิตคู่ของตนไว้ได้ความหมายก็คือ การด้อยค่า ดิสเครดิต โดยตรง

ความหมายก็เหมือนกับการหยิบยกเอากรณี”งานศพพ่อ”มา เพื่อทำให้เห็นว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พูดโกหก ครั้งแรกกับครั้งหลังไม่ตรงกันเป็นเหมือนโอมาน เป็นเหมือนพิน็อคชิโอ

ถามว่าเหตุใดไม่ว่ากรณี”งานศพพ่อ” ไม่ว่ากรณีของ ต่าย ชุติมา กลับกลายเป็นมุขแป้ก คนที่ถูกประจานกลับเป็นคนที่ออกมาขุดคุ้ยโจมตี มิใช่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

นั่นก็เพราะว่าเป็นการสร้าง”ข่าวปลอม”ไม่อยู่กับ”ความจริง”

 

กรณีของ ต่าย ชุติมา นับว่าเด่นชัดอย่างที่สุดทันทีที่ ต่าย ชุติมา ออกมาพูดว่าเป็นเรื่องในอดีต ขณะที่ความสัมพันธ์ในปัจจุบันราบ รื่นอยู่บนฐานแห่งความเป็นมิตร

นั่นก็คือ แม้จะแยกกันอยู่ แต่ก็ดำรงสถานะแห่งความเป็นพ่อ ความเป็นแม่โดยมี”น้องพิพิม”เป็นศูนย์กลาง

ยิ่งกว่านั้น เมื่อ ต่าย ชุติมา โพสต์ชุดหรูที่แต่งในพิธีวิวาหะอันเป็นมงคล ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะ”ถวิลหาอดีต”อันงดงามเปี่ยมด้วยความฝันของทั้งสอง

เพียงแต่ว่าในระยะหลังอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่สามารถดำรงสถานะอย่างที่มุ่งมาดปรารถนาเอาไว้ได้เท่านั้น

เมื่อความเป็นจริงปรากฏออกมาเช่นนี้ ด้านหนึ่ง ยืนยันว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองมิได้เป็นปัญหาอะไรอีกแล้ว ด้านหนึ่ง ในความจริงก็เท่ากับ”ประจาน”คนที่ออกมาให้ร้ายหมายขวัญ

 

ต้องยอมรับว่า การนำเอากรณี”ง่านศพพ่อ” การนำเอากรณีของความสัมพันธ์ในอดีตระหว่าง ทิม พิธา กับ ต่าย ชุติมา ออกมากระพือ เป็นเรื่องของคนที่ต้องการด้อยค่า

แต่เมื่อเป็นการด้อยค่าบนฐานแห่งการสร้าง”ข่าวปลอม”กระบวนท่าที่ขึงขังเหมือนกับหนักแน่นอย่างยิ่งก็ถูกบดขยี้อย่างรวดเร็ว ไม่ต่างอะไรกับสภาพของปราสาททรายเมื่อประสบ เข้ากับคลื่นแห่งความเป็นจริง

จึงต้องจับตาติดตามกรณี”หุ้นไอทีวี”อย่างตระหนักเป็นพิเศษ