เผยแพร่ |
---|
กรณีของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ได้กลายเป็น”บทเรียน”อันแหลมคมอย่างเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะมองด้าน “ความคิด” ไม่ว่าจะมองด้าน”การเมือง”
หากมองในเชิงปัจเจก คล้ายกับว่าผลสะเทือนซึ่งกระทบต่อแต่ละก้าวย่างในการตัดสินใจของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มาจากวาสนาอันสะสมมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยม กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยและออกผาดโผนในยุทธจักรการทำงาน ผ่านบริษัทข้ามชาติและเข้ามีส่วน ร่วมในการขับเคลื่อนทางการเมือง
ไม่ว่าจะเรียกว่า “พี่มิ่ง” ไม่ว่าจะเรียกว่า”ป้ามิ่ง” ไม่ว่าจะเรียกว่า “คุณมิ่งขวัญ” ตัวตนและความเป็น นายมิ่งขวัญ แสงสุ วรรณ ปรากฏและดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง
กระนั้น ภายในแต่ละการตัดสินใจที่ดำรงอยู่อย่างสะท้อนความเป็น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อย่างเด่นชัดก็ดำเนินไปในลัก ษณะอันเป็น”ตัวแทน”อย่างมิอาจปฏิเสธได้
“บทเรียน”ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จึงสัมพันธ์ทั้งในทางส่วนตัวและในลักษณะอันเป็นตัวแทนในการทดลอง
นั่นก็คือ การเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ
ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานที่พรรคการ เมืองนี้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีบทบาทอยู่
นี่คือ การร่วมระหว่าง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยตรง
ในความเห็นของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อาจมองในด้านที่ ราบรื่นงามตาถึงระนาบที่เสนอตัวเองเข้าไปเป็น”แคนดิเดต”คนหนึ่งแทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระนั้น เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาก็ปรากฏ”ปฏิกิริยา”ทั้งจากภาย
ในของพรรคพลังประชารัฐ และจากความรับรู้และรู้สึกของสังคมว่าหนทางของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อาจจะไม่ราบรื่น
เนื่องจากการดำรงอยู่ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และการ
ดำรงอยู่ของพรรคพลังประชารัฐมี”คนอื่น”เป็นองค์ประกอบด้วย
บทเรียนจากกรณีของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อาจสรุปได้ในขอบข่ายแห่งความเป็น”ส่วนตัว” แต่ความเป็นส่วนตัวนี้ก็มิได้แยก ขาดจากองค์ประกอบอื่น
โดยเฉพาะองค์ประกอบที่เป็นของ”พรรคพลังประชารัฐ”
พรรคพลังประชารัฐมิได้หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา มิได้หมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หากแต่มีรากฐานแห่งการเกิดขึ้นดำรงอยู่