แนวโน้มที่พรรคเพื่อไทยจะก่อปรากฏการณ์”แลนด์สไลด์”ทางการเมืองมีความเด่นชัดและเป็นไปได้สูงอย่างสูงยิ่ง

เฉพาะหน้าย่อมเป็นสถานการณ์ร้อยเอ็ดและกาฬสินธุ์

ก่อนหน้านี้ย่อมเป็นชัยชนะอย่างชนิดถล่มทลายในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งสร้าง”โมเดล”ใหม่ในทาง การเมืองอันแหลมคม

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็น 1 ใน 3 ขนองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

กระนั้น ในความเป็นจริงหากมองจากพรรคไทยรักไทย พรรค พลังประชาชน มายังพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยอมรับว่าได้กุมชัยชนะในการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนธันวาคม 2550 และไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 หรือแม้กระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

แต่คำถามก็คือ แม้จะได้รับชัยชนะ แต่ชัยชนะนั้นก็ไม่ยืนยาวต้องพบกับการต่อต้านและลงเอยด้วย”รัฐประหาร”

แสดงให้เห็นว่าชัยชนะจาก”การเลือกตั้ง”มิใช่คำตอบสุดท้าย

 

ภาระในการค้นหาคำตอบภายหลังจาก”ชัยชนะ”ของ”การเลือกตั้ง”ที่ไปไม่ถึงปลายทาง ย่อมเป็นภาระของพรรคเพื่อไทยอย่างมีนัยสำคัญ

ทำไมความสำเร็จของ นายทักษิณ ชินวัตร จึงลงเอยด้วยรัฐ ประหาร ทำไม”แก้ไขไม่แก้แค้น”จึงมีปลายทางอยู่กับรัฐประหาร

ไม่เพียงแต่ทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องกลายเป็น”บักน่อย ตุหรัดตุเหร่” หากแต่ยังลากดึงให้ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องย้ายบ้านไปอยู่ต่างแดน

นี่ย่อมเป็น”โจทย์”ของพรรคเพื่อไทย นี่ย่อมเป็นโจทย์ของกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย นี่ย่อมเป็นโจทย์ที่ท้าทายต่อชัยชนะของ นส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นอย่างสูง

หากไม่สามารถหา”คำตอบ”ที่ตรงกับสภาพความเป็นจริงซึ่ง

เกิดขึ้นก็ยากที่อนาคตในทางการเมืองจะดำเนินไปอย่างราบรื่น

 

การทบทวนในที่นี้โดยมูลฐานอาจเริ่มจากชัยชนะของสถานการณ์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2475 ชัยชนะของสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2516

กระทั่งชัยชนะของสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2535

เมื่อนำมาทบทวนกับชัยชนะของพรรคไทยรักไทย ของพรรคพลังประชาชน ของพรรคเพื่อไทย เหตุใดจึงลงเอยด้วยรัฐประหาร

โจทย์นี้จำเป็นต้องตีให้แตกก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า