E-DUANG : ภาพงาม เปี่ยมความหวัง การเมือง ภาพของ ชัชชาติ ศิธา และ วิโรจน์

แม้จะอยู่ในฐานะเป็นคู่แข่งทางการเมือง แต่สายสัมพันธ์ระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เบอร์ 6 กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เบอร์ 1 กับ น.ต.ศิธา ทิวารี เบอร์ 11 อบอุ่น

ในฐานะ”ผู้อาวุโส” สายตาที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทอดมองไปยัง น.ต.ศิธา ทิวารี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

ไม่สะท้อนให้ประเมินได้ว่าเป็นระหว่าง”ศตรู”ต่อกัน

แม้ในบางครั้งจะมีการวิพากษ์ดังมาบ้างจากทางด้านของ น.ต.ศิธา ทิวารี และจากทางด้านของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แต่ก็ไม่ถึงกับเอาเป็นเอาตาย

ขณะเดียวกัน เมื่อแต่ละฝ่ายเสนอ”ความเห็น”ของตนออกมา อีกฝ่ายที่เหลืออยู่ก็ล้างหูน้อมรับฟังอย่างมีโยโสมนสิการ ไม่ว่าจะจากผู้เยาว์ ไม่ว่าจะจากผู้อาวุโส

ความน่าสนใจก็คือ ท่ามกลางข้อเสนอให้เลือกในทาง”ยุทธ ศาสตร์” อันมาจากกองเชียร์ของ เบอร์ 3 เบอร์ 4 เบอร์ 6 และเบอร์ 7 แต่ในกลุ่ม เบอร์ 8 เบอร์ 1 เบอร์ 8 ไม่มีเรื่องอย่างนี้

ยิ่งฟังเสียงของพี่ใหญ่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กลับยืนหยัดในหลักการชอบใครก็เลือกคนนั้น

พร้อมยอมรับเสียงจากฝ่ายของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

 

ถามว่าสภาพฝุ่นตลบอันเนื่องจากการวิวาทด่าทอกันในทางการ เมืองที่อึงคะนึงอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย ก่อนถึงวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม มีรากฐานมาจากอะไร

ตอบได้เลยว่า มาจากสิ่งที่เรียกว่า”กองเชียร์” อย่างที่สถาป นาตัวเองเป็น “นางแบก”

การเคลื่อนไหวของบรรดา”นางแบก”ในจุดอันเป็นซัพพอร์ต เตอร์ แม้จะเป็นสีสันในทางการเมืองแต่ก็เป็นสีสันที่ก่อให้เกิดสภาพฝุ่นตลบ

เมื่อเกิดปรากฏการณ์ฝุ่นตลบจึงจำเป็นต้องมีการประมวล นำมาสังเคราะห์และวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ แยกจำแนกแต่ละ ท่าทีออกมาให้แจ่มชัด

นี่ย่อมเป็นเรื่องของ”ลูกหาบ”ในทางการเมือง ปมเงื่อนอยู่ ตรงที่ตัวจริงเสียงจริงจะเห็นและประเมินอย่างไรเท่านั้น

 

น่ายินดีที่ท่าทีไม่ว่าจะมาจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ว่าจะมาจาก น.ต.ศิธา ทิวารี ไม่ว่าจะมาจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ถือได้ว่าเป็นมวยหลัก

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีต่อกันคือรูปธรรมอันน่ายินดี

สะท้อนให้เห็นภาพแห่งการเมืองใหม่ การเมืองในปีกประชาธิปไตยที่เคารพต่อกันและกัน ยอมรับในความพ่ายแพ้ของตน และชัยชนะของผู้อื่น