‘เอชอาร์วี-ครอส-เอ็กซ์แพนเดอร์’ เทียบฟอร์ม ‘3 เอสยูวี’ ขุมพลังไฮบริด

สันติ จิรพรพนิต

ขอตอบรับการส่งสัญญาณจากยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ออกมาไม่สดใสกาวกาว เพราะลดลงเกือบ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

โดยเป็นการปรับลดลงแทบทุกเซ็กเมนต์

มีเพียงกลุ่ม “ไฮบริด” ที่สามารถทะยานเป็นบวกได้สำเร็จ

ดูแล้วก็สอดคล้องกับความนิยมของกลุ่มรถไฮบริด ที่มีมากขึ้น โดยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มักจะถูกนำมาเปรียบกับรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี

โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีรถจากค่ายญี่ปุ่น ออกรุ่นไมเนอร์เชนจ์ และใส่ขุมพลังไฮบริดเข้ามาด้วย

ว่าแล้วก็ขอนำรถ 3 รุ่นเด่นๆ มาประชันกันเสียหน่อย เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้อ่าน

เริ่มจากรุ่นยอดนิยม “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” (HR-V)

กระจังหน้าเอกลักษณ์การออกแบบของค่ายนี้ในปัจจุบัน เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED

ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED

ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

กันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม

บริเวณช่องดักลมด้านล่าง เพิ่มลูกเล่นด้วยเส้นคลื่นหัวใจ AMP UP

ไฟท้าย LED Light Strip สี Smoke ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว เสาอากาศครีบฉลาม

ล้ออัลลอยลายใหม่ ดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว

ภายในเน้นการใช้งาน มีช่องใส่ของกระจุกกระจิก

พวงมาลัยทรงสปอร์ตระบบมัลติฟังก์ชั่น

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) พร้อมระบบ Air Diffusion System

ช่องปรับอากาศดีไซน์ใหม่

 

ขุมพลัง Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว

ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบ่งหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ

ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตัน-เมตร

เกียร์อัตโนมัติ E-CVT

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV มี 3 โหมด

มอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)

ไฮบริด (Hybrid Drive Mode)

และขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

ส่วนการขับขี่เลือกได้ 3 โหมดเช่นกัน ECON Mode, Normal Mode และ Sport Mode

เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนน

ช่วยความปลอดภัย อาทิ

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ฯลฯ

มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ราคา 979,000-1,179,000 บาท

ค่ายคู่แข่งสำคัญไม่พ้น “โตโยต้า” กับโคโรลล่า ครอส ที่ปรับโฉมไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดยมีหน้าตา 2 เวอร์ชั่นแบบธรรมดา และรุนท็อป “GR Sport”

ที่แน่ๆ ไม่มี “หน้าบึ้ง” แล้ว

โคโรลล่า ครอส ใหม่ เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Urban x Premium

กระจังหน้าแบบ “Multi-Dimensional Design” ไฟหน้า ดีไซน์ใหม่ แบบ LED Crystalized Headlamp

ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential

หลังคา Panoramic Roof แบบ Frameless พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า

สีภายในแบบทูโทน มีทั้งหมด 2 สี คือสีดำ และสีใหม่ สี Dark Rose ให้ความรู้สึกหรูหรา

มาตรวัดแบบ Full Digital พร้อมจอแสดงผลข้อมูลขับขี่ ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ปรับการแสดงผลได้หลากหลาย

หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาอิสระ

 

เครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ VVT-i ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า

เกียร์อัตโนมัติ E-CVT

ช่วงล่างอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง

ความปลอดภัยมาแน่นคัน ทั้งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA

ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Parking Support Brake

ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ Tire Pressure Monitoring System

กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360 View

สัญญาณเตือนกะระยะ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ฯลฯ

โคโรลล่า ครอส HEV มี 3 รุ่นย่อย ราคา 1,094,000-1,254,000 บาท

และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Sport Plus ราคา 999,000 บาท

ปิดท้ายที่ “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี” ที่รูปลักษณ์อาจจะต่างจาก 2 คู่เปรียบอยู่บ้าง เพราะเป็นครอสโอเวอร์ที่เน้นไปทางเอ็มพีวีมากกว่า

เปิดตัวมาไล่ๆ กับโคโรลล่า ครอส โดยรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับของเดิม ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป

ดีไซน์ภายนอก ติดโลโก้ “HEV” ที่กระจังหน้า และฝาประตูท้าย พร้อมด้วยโลโก้ “HYBRID EV” ที่ประตูหน้า

ตกแต่งด้วยเส้นสายสีน้ำเงินที่กันชนหน้า กาบข้างประตู กันชนหลัง

ภายในห้องโดยสาร หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว แสดงข้อมูลสำคัญเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด

อาทิ แสดงรูปแบบการขับขี่ที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์การขับขี่ และอัตราเร่ง

รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงาน

ขุมกำลังเทคโนโลยี ฟูลไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า

และเมื่อผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 85 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า

การทำงาน เมื่อเริ่มออกตัว และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เมื่อเริ่มเร่งความเร็ว ระบบจะปรับเปลี่ยนสู่รูปแบบการขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด

หากขับขี่ด้วยความเร็วสูง ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมกำลังขับเคลื่อน

โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ โดย 2 โหมดเป็นการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า

อีก 5 โหมด อาทิ Normal, Wet, Gravel, Tarmac และ Mud เหมาะกับวิ่งทางเรียบและทางลุยๆ ได้ประมาณหนึ่ง

ระบบความปลอดภัยมีมาแบบสมน้ำสมเนื้อ อาทิ ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และลื่นไถล

เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ราคา 933,000 บาท

เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ราคา 961,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]