เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อก ท้องถิ่น” ไม่ว่าการ เคลื่อนไหวของ 30 ภาคีเรียกร้องการเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯเชียงใหม่” ไม่ว่า การเคลื่อนไหวเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯขอนแก่น”สอดคล้อง คล้องรับ
เป็นการสอดคล้อง คล้องรับในลักษณะที่ต่างฝ่ายต่างเคลื่อน ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องอย่างเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
เหมือนกับ”ขอคนละชื่อ ปลดล็อก ท้องถิ่น”จะดำเนินการโดยคณะก้าวหน้าและพันธมิตร เหมือนกับการเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯเชียงใหม่”และ”ผู้ว่าฯขอนแก่น”จะเป็นของแต่ละภาคีแต่ละเครือข่าย
กระนั้น หากมองจาก 1 ทำเนียบรัฐบาล 1 จากกระทรวงมหาด ไทย การเคลื่อนไหวซึ่งเริ่มในวันที่ 1 เมษายน เป็นต้นมาล้วนมีความ สัมพันธ์และยึดโยงระหว่างกัน
แม้ไม่สามารถโยงความสัมพันธ์ไปยังคณะก้าวหน้าที่นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่ 30 เครือข่ายที่หนุนเชียงใหม่ก็วนเวียน
ไม่ห่างไปจาก”ขอคนละชื่อ ปลดล็อก ท้องถิ่น”
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าทั้งหมดอาศัยผลสะเทือนจาก การเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯกทม.”และ”นายกเมืองพัทธยา”เป็นตัวจุดชนวน
ไม่ว่าความคึกคักจากที่มีผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯกทม.”มาก กว่า 30 คน ไม่ว่าความคึกคักจากที่มีความต้องการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในสนาม”เมืองพัทยา”
ส่งผลสะเทือนไปยังบรรยากาศของการหาเสียงและนำเสนอแนวทางนโยบายอย่างมากด้วยสีสัน
ไม่ว่าจะมาจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ว่าจะมาจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ไม่ว่าจะมาจาก นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ แม้กระทั่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
ก่อให้เกิดคำถามตามมาโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะจากมหานครอย่างเชียงใหม่ อย่างขอนแก่น อย่างหาดใหญ่สงขลา หรือแม้กระทั่ง นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี อุดรธานีและพิษณุโลก
น่าสนใจก็ตรงที่การเคลื่อนไหวของ”คณะก้าวหน้า”ดำเนินไปอย่างสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของ”พรรคก้าวไกล”ทั้งในสนามเล็กและในสนามใหญ่
ด้านหนึ่ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปปรากฏตัวที่เชียงใหม่
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปปรากฏตัวในภาคใต้และปักหลักอยู่ที่ยะลา ปัตตานี อย่างเหนียวแน่น
กระจายอำนาจอาจเป็นทิศทางใหญ่ของก้าวไกลไปสู่อนาคต