E-DUANG : กำไร การเมือง จาก ”ก้าวไกล” ต่างจาก ของ “พลังประชารัฐ”

ทั้งๆที่ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไม่ว่าจะเป็นเขต 1 ชุมพร ไม่ว่าจะเป็น เขต 6 สงขลา ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 2 เขต ทิ้งห่างจากผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ สูงมาก

คำถามก็คือ แล้วเหตุพรรคก้าวไกลจึงยังดึงดันที่จะส่งคนของตนลงสมัครทั้งในเขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา

และเมื่อเข้าสู่โหมดแห่งการรณรงค์หาเสียงก็สะท้อนบรรยากาศ ออกมาอย่างเด่นชัดว่า ในที่สุดก็เป็นการต่อสู้อันเข้มข้นระหว่างคนของพรรคพลังประชารัฐกับคนของพรรคประชาธิปัตย์

ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าผู้คร่ำหวอดในทางการเมืองอย่างพรรคภูมิใจไทยก็ไม่สนใจที่จะส่ง 1 สามารถอ้างได้ว่าเป็น”มารยาท”ในทางการ เมือง และ 1 ตระหนักเป็นอย่างดีว่าเป็นเรื่องของสองพรรคการเมือง

ในเมื่อพญาช้างสารระดับพรรคพลังประชารัฐเดินหน้าออกมาชนกับพญาช้างสารระดับพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่จำเป็นที่พรรคภูมิ

ใจจะแสดงบทบาทของ”หญ้าแพรก”ในทางการเมือง

จึงยิ่งกลายเป็น”คำถาม”อันแหลมคมมากยิ่งขึ้นว่า แล้วพรรคก้าวไกลจำเป็นอะไรที่จะส่งคนของตนเข้าสู่เวทีการเลือกตั้ง”ซ่อม”

ผู้ที่อธิบายเรื่องนี้ได้ดีอย่างที่สุดไม่เพียงแต่จาก นายพิธา ลิ้มเจริญ รัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เท่านั้น

หากหลายคนใน”คณะก้าวหน้า” ไม่ว่าจะเป็น นายธนาธร จึงรุ่ง เรืองกิจ นายปิยบัตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็ตอบชัด

นั่นก็คือ ตอบชัดผ่านการคัดสรรคนลงสมัครรับเลือกตั้งชิงนายกอบจ. คัดสรรคนลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งในเทศบาล และชิงตำแหน่งในอบต.แม้จะมีประสบการณ์น้อยเป็นอย่างยิ่ง

คำตอบก็คือ เป้าหมายของคณะก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกลมิใช่ชัยชนะเฉพาะหน้า หากแต่เป็นในระยะยาว จึงจำเป็นต้องสะสมทั้งในด้านความรู้และสะสมความจัดเจนในการต่อสู้ทุกระดับ

การประเมินผลจากการเลือกตั้ง”ซ่อม”ของพรรคก้าวไกลจึงแตกต่างไปจากของพรรคพลังประชารัฐหรือของพรรคประชาธิปัตย์

นั่นคือเริ่มต้นจากฐานเดิมของเขต 1 ชุมพร เขต 6 สงขลา

หากคะแนนเขต 1 ชุมพรได้มากกว่า 10,347 ก็ถือเป็นกำไร หากคะแนนเขต 6 สงขลาได้มากกว่า 11,966 ก็ถือเป็นกำไร

เป็นกำไรที่จะนำไปขยายผลในการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้