E-DUANG : การสะบัด กวัดแกว่ง “ยุบพรรค” กับการข่มขู่ ด้วยการ รัฐประหาร

ข่าวลือในเรื่อง “ยุบ” พรรคเพื่อไทย ถูก”ปล่อย”ออกมาอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ

ประสานกับความเชื่อต่อแนวโน้มของ”รัฐประหาร”อาจบังเกิด

การเคลื่อนไหวของบรรดา”นักร้อง”ระดับ นายศรีสุวรรณ จรรยา และ นายสนธิญา สวัสดี ได้รับการประสานและขานรับอย่างเอาการเอางานจาก นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

สะท้อนให้เห็นว่าคำประกาศ”แลนด์สไลด์”จากพรรคเพื่อไทยผนวกเข้ากับการใช้เพลงปี่เป่ามนต์ขลังเรียกอดีตไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย หวนคืนเหย้า

สร้างความตระหนกตกใจอย่างใหญ่หลวงให้กับอีกฝ่ายอย่าง ชนิดที่เรียกว่าตัวสั่นงันงก

จึงไม่เพียงแต่จะผลักดันให้บรรดา”นักร้อง”เสียงดีเคลื่อนไหวเพื่อบีบกด และงัดเอาอาวุธ”รัฐประหาร”ขึ้นมาข่มขู่เหมือนกับที่เคย   

กระทำมาแล้วก่อนเดือนกันยายน 2549 ก่อนเดือนพฤษภาคม 2557

นั่นก็คือ หากใช้กลยุทธ์”ยุบพรรค”มาสกัดไม่สำเร็จก็ตัดงัดเอาวิชาก้นหีบคือ”รัฐประหาร”มาเป็นอาวุธ

 

ไม่ว่าการปล่อยข่าวในเรื่อง”ยุบพรรค” ไม่ว่าการสร้างกระแสในเรื่อง”รัฐประหาร” จึงเด่นชัดยิ่งว่า ใครเป็นฝ่ายรุกในทางการเมือง ใครเป็น ฝ่ายตั้งรับในทางการเมือง

การตั้งรับอย่างสำคัญมิได้อยู่ที่คำประกาศอันเด็ดเดี่ยวจาก นายทักษิณ ชินวัตร ที่จะเดินทางกลับบ้านภายในปี 2565

หากแต่อยู่ที่การเติบใหญ่ของพรรคก้าวไกลเคียงพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ความเป็นจริงที่ความขัดแย้งของรัฐบาลนับวันยิ่งเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา ไม่ว่าระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น

ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้ความเป็นจริงที่ว่า”สนิมเกิดแต่เนื้อใน  

ตน” ประสานกับแรงกระแทกจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล

 

เป้าหมายของคสช. เป้าหมายของ”ระบอบประยุทธ์”จึงเด่นชัดยิ่งว่า ดำรงอยู่ภายใต้ยุทธวิธีสำคัญในทางการเมือง 1 คือขู่ในเรื่องการยุบ พรรค 1 คือการเงื้อง่าในเรื่องรัฐประหาร

ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่าจะยุบพรรคได้อย่างง่ายดายจริงละหรือ

หากแต่ยังอยู่ที่ว่า หากตัดสินใจทำ”รัฐประหาร”แล้วจะง่ายดาย เหมือนเมื่อปี 2549 และเหมือนเมื่อปี 2557 หรือไม่

คำตอบอยู่ที่”บทเรียน”และความเจ็บปวดของ”ประชาชน”