ขณะที่พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้ากำลังถูกรุกไล่จากปฏิบัติการ IO อย่างเป็นระบบ อย่างเป็นกระบวนการ

ต้องจับตาบทบาทของ”เพื่อไทย”อย่างเป็นพิเศษ

นับแต่มีการปรับเปลี่ยนอย่างสำคัญภายในพรรคเพื่อไทย โดย เฉพาะ 1 การถอยออกไปของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากประธานยุทธศาสตร์ของพรรค

1 การถอยออกไปของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ จากตำแหน่งเลขาธิการพรรค โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เข้ามาสอดสวม แทนพร้อมกับการเข้ามาของคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง

ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การเข้ามาของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย อันได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี

คำประกาศที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการ”ปฏิรูป”อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับจังหวะก้าวเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง

และที่สุดก็มีการเปิดตัว นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ขึ้นมา

 

ความจริง การเปิดตัว นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พร้อมกับการเข้า มาของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นายภูมิธรรม เวชยชัย ก็มีความแจ่มชัดเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อมี นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี เข้ามาด้วยก็ยิ่งแจ่มชัด

แจ่มชัดถึงเงาของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ซ้อนทับอยู่

พลันที่มีการเปิดตัว นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ถึงกับสร้างบทสนทนายาวเหยียดถึงคำถามสถานะที่ประเทศไทยเคยได้รับการคาดหวังว่าจะเป็น “เสือตัวที่ 5”

คราวนี้ก็แทบไม่ต้องบรรยายอะไรมากมายแล้วว่าพรรคเพื่อไทยจะสืบทอดและพัฒนาต่อยอดความสำเร็จจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมาอย่างไร

เนื่องจาก นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ คือ สมองขนาดมหึมายิ่ง

      เป็นสมองอันสะท้อนรากฐานในทางความคิด”ล้ำยุค”ที่ดำรงอยู่อย่างยาวนานในสังคมประเทศไทยยุคใหม่

 

นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นี่แหละคือที่มาแห่งสโลแกนแปร”สนามรบ”ในอินโดจีนมาเป็น”สนามการค้า” คนเดียวกันนี่แหละคือผู้ผลักดันโปรเจ็ค”รถไฟความเร็วสูง”

นับแต่ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ถึงยุค นายทักษิณ ชินวัตร เขาคือผู้รุนหลัง”เทคโนโลยี”เข้ามาสร้าง”ความเปลี่ยนแปลง”