ก่อนการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจมีสภาพ ทางการเมืองอันก่อให้เกิดความร้าวฉานภายในของรัฐบาลปรากฏขึ้นหลายเรื่องอันมากด้วยความละเอียดอ่อน

ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่นครศรีธรรมราช ไม่ว่าจะเป็นกรณีของรถไฟฟ้าในกทม. ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แม้ว่าจะยังไม่มีใครทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดแต่การพิจารณาหาตัวผู้ลงสมัครก็มากด้วยสีสันอันเพริศแพร้ว พรรณราย

ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะว่าต้องหาตัวบุคคลที่เหมาะสมเพื่อชิงชัยกับ นายชัช ชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ประกาศตัวล่วงหน้าไปแล้ว

มีรอยร้าวเกิดขึ้นอย่างเด่นชัดภายในพรรคพลังประชารัฐแม้ว่าจะเด่นชัดว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เสนอตัวเข้ามาแต่ก็มี นาง ทยา ทีปสุวรรณ แสดงความปรารถนา

คำถามอยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเลือกใครระหว่าง 2 คนนี้

 

ยิ่งกว่านั้น กรณีการเลือกตั้งซ่อนที่นครศรีธรรมราชแทนที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ที่หมดสมาชิกภาพไป ยังตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ

เพราะตามมารยาทในฐานะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรเปิดทางให้พรรคประชาธิปัตย์

กระนั้น พรรคพลังประชารัฐก็แสดงออกอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะจัดคนลงสมัครแข่งขันกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ที่น่าจะมีโอกาส

ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เมื่อข้อเสนอนี้ขึ้นไปยังพรรคพลังประชารัฐก็มีท่าทีอย่างเด่นชัดจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคว่าเห็นชอบด้วย

เป็นการเห็นชอบโดยไม่แคร์ความรู้สึกของพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่ความขัดแย้งในเรื่องรถไฟฟ้าก็สะท้อนเด่นชัดว่าพรรคภูมิใจไทยสวนทางกับความต้องการของรัฐบาลและกทม.

 

น่าสนใจก็ตรงที่บทบาทของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าจะดำเนินการอย่าง ไรต่อปัญหาและความขัดแย้งอันดำรงอยู่ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันที่มีความเด่นชัดอย่างยิ่ง

เชื่อได้เลยว่าระหว่างดำเนินญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปความขัดแย้งเหล่านี้จะต้องถูกทำให้ขยายใหญ่โต ถ่างห่างออกไป