เผยแพร่ |
---|
นักการตลาดจำเป็นต้องตั้งคำถามต่อการผงาดขึ้นมาของปรากฏ การณ์ “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร”ว่ามีปัจจัยอึกทึกครึกโครมมาอย่างไร
ทั้งๆที่สื่อที่เรียกว่า”กระแสหลัก”ในเบื้องต้นแทบมิได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
หรือถึงสนใจกล่าวถึงก็เป็นในท่วงทำนอง”ลบ”ด้อยค่า
อาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของทนายอานนท์ ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของเพนกวิน ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของรุ้ง หากจะปรา กฎผ่านจอโทรทัศน์หรือสื่อหนังสือพิมพ์ก็มิได้เป็นเรื่องดี
อย่างเช่นเรื่องที่นักเคลื่อนไหวชื่อย่อ พ.พาน ไปตื้อขอเงินจากคนของพรรค พ.พาน เป็นต้น อย่างเช่นเรื่องที่เป็นด้านลบของทนาย อานนท์ ของรุ้ง
แล้วเหตุใดมาถึง ณ วันหนึ่ง”19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” กลับกลายเป็นประเด็นเป็นพาดหัวตัวไม้ของสื่อกระแสหลัก
นี่ย่อมเป็นเรื่องของตัว”สินค้า” มิได้เป็นเรื่องของ”การตลาด”
ปัจจัยหนึ่งซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ “19 กันยา ทวงอำนาจ คืน ราษฎร” เป็นความต่อเนื่องและสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวอื่นๆในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน
เริ่มต้นจาก”เยาวชนปลดแอก”ในวันที่ 18 กรกฎาคม ตามมาด้วย”ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”ในวันที่ 10 สิงหาคม
และหวนกลับมาอีกครั้งในวันที่ 16 สิงหาคม
ปัจจัยหนึ่งซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก็คือ การเคลื่อนไหวนับแต่วันที่ 18 กรกฎาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีพัฒนาการแพร่กระจายออกไปในขอบเขตทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย ไม่ว่าจะเป็นปัตตานี พัทลุง ไม่ว่าจะเป็นนครปฐม ราชบุรี ไม่ว่าจะเป็นอุบลราชธานี ขอนแก่นและมหาสารคาม
ในที่สุดก็ตกผลึกเป็น”19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร”
ทุกอย่างเป็นไปตามคำประกาศ 250 ส.ว.จะหมดบทบาทไปภายในเดือนกันยายน 2563
ตัวของ”19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร”ต่างหากทำให้แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องให้ความสนใจ แม้จะยังไม่ยอมลดตัวลงมานั่งเจรจาด้วย
แต่เชื่อได้เลยว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จำเป็นต้องเปิดทำเนียบ รัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกับ”เยาวชน”อย่างแน่นอน