เผยแพร่ |
---|
อุบัติแห่งความขัดแย้งในทางความคิดต่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคซึ่งดำรงอยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐ เป็นธรรมชาติอันเที่ยงแท้และแน่นอนหนึ่งในทางการเมือง
เท่ากับเป็นการชี้ให้เห็นการดำรงอยู่ของ “กลุ่ม” และ “ฝ่าย”อันสะท้อนลักษณะการดำรงอยู่ของพรรคการเมือง
อย่าว่าแต่พรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นการรวมตัวในลักษณะเป็นการเฉพาะกิจ เฉพาะกาล เพื่อหนุนเสริมการทอดอำนาจของคสช.เลย
แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อรูปมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2489 ก็ยังแตกต่างในทางความคิด และสะท้อนผ่านการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคมาแล้วหลายครั้ง
ประสาอะไรกับพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไม่นานนัก
ปัจจุบัน หลายคนในพรรคพลังประชารัฐมีความเชื่อว่าปัญหาภายในพรรคได้ยุติลงแล้วโดยพื้นฐานจากการทุบโต๊ะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังจากมีการให้คำมั่นต่อ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิ รัตน์ สนธิจิรวงศ์
เป็นการให้คำมั่นว่า 1 จะไม่มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค และ 1 จะไม่มีการปรับครม.เกิดขึ้น
ผลก็คือ ภายในพรรคพลังประชารัฐเกิดความเป็นเอกภาพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างถอดเขี้ยวเล็บและยิ้มแย้มเข้าหากันอย่างสันถวมิตรสนิทสนม
ไม่มีการตั้งข้อสังเกตถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ไม่มีการตั้งข้อสังเกตถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรค
ภาพที่ปรากฎต่อเบื้องนอกเสมอเป็นเพียงปลายบนสุดที่เห็นอันเป็นยอดของภูเขาน้ำแข็ง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงความขัดแย้งอันเป็นรากฐานและเป็นปัญหาแท้จริงยังดำรงอยู่ครบถ้วน
ตราบใดที่ยังเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย ตราบนั้นความเห็นต่างในทาง ความคิดก็ยังดำรงอยู่
และรอเวลาอันเหมาะสมที่จะปรากฏเป็นเรื่องทางการเมือง
ตราบใดที่ตำแหน่งทางการเมืองยังเป็นเป้าหมายเป็นความหวังของนักการเมืองทุกคน ตราบนั้นปัญหาก็ดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็นตะกอนนอนก้น
เมื่อใดที่สถานการณ์เหมาะสมบรรดาตะกอนอันเคยนอนก้นก็จะกระเพื่อมไหวและปรากฎให้เห็น
หลังการเปิดสภา หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส หลังการยุติประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน คือเงื่อนเวลาที่จะปรากฎ