เผยแพร่ |
---|
เอกภาพระหว่าง “คำพูด” กับ “การลงมือทำ” กำลังเห็นหินลองทองอันคมแหลมในทางสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ โครงการ”เราไม่ทิ้งกัน”
ประการแรกสุดก็คือ กำลังพิสูจน์ทราบว่าที่ว่า”เราไม่ทิ้งกัน”มีความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
เสียงโวยจาก”ป้าเพ็ญ”มีความเด่นชัดและกึกก้อง
สะท้อนให้เห็นว่าคนในรัฐบาล คนในกระทรวงการคลัง คนในพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีความเข้าใจต่อสภาพความเป็นจริงของ “คนจนเมือง” อย่างลึกซึ้งเพียงพอ
ประการต่อมา กำลังจะพิสูจน์ทราบว่า คำพูดของบรรดาเจ้า ใหญ่นายโตในรัฐบาลมีความน่าเชื่อถือเพียงใด
เพราะเมื่อพูดแล้วไม่ได้”ลงมือทำ”ก็เป็นอัน “จบ”
มีคำถามมานานแล้วว่าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง นักการเมืองคนหนึ่งเราจะมีบรรทัดฐานในการวัดว่าเป็นพรรคที่มีคุณภาพ เป็นนัก การเมืองที่มีเกียรติภูมิจากอะไร
จาก “แถลงการณ์” ที่พรรคการเมืองนั้นๆออกมาในแต่ละสถานการณ์ กระนั้นหรือ
จาก “คำพูด” ของนักการเมืองที่มีการประดิษฐ์สวยหรู
บทเรียนของพรรคประชาธิปัตย์ บทเรียนของหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์คนแล้วคนเล่า พิสูจน์มาเป็นอย่างดีภายใต้บทสรุปอันเฉียบคมที่ว่า
“ดีแต่พูด” นับว่ามีความคมชัดอย่างที่สุดทางการเมือง
ณ วันนี้ โครงการ”เราจะไม่ทิ้งกัน”กำลังจะเป็นอีกบททดลอง หนึ่งในทางการเมืองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ว่าปฏิบัติการ”แจกเงิน”จะเป็นคุณหรือกลายเป็นโทษ
ปมเงื่อนหนึ่ง ปมเงื่อนสำคัญอันทำให้โครงการ”เราไม่ทิ้งกัน”กำลังกลายเป็นโจทย์ซึ่งค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็น”จำเลย”ในทางการเมืองเด่นชัดเป็นลำดับ
มาจากสภาวะที่ไม่เป็นเอกภาพระหว่าง “คำพูด” กับ “การลง มือทำ”
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่มีการปฏิเสธอย่างฉับ พลันทันใดมาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ขัดกันเองของคนในกระทรวงการคลัง
ทุกอย่างดำเนินไปตามกฎที่ว่า เมื่อท่านพูดประชาชนจะฟัง พลันที่ท่านลงมือทำประชาชนจะเชื่อมั่นและศรัทธา