เผยแพร่ |
---|
ต่อสถานการณ์สถานการณ์หนึ่งจะประเมินอย่างไรว่าใครหรือกลุ่มใดอยู่ในฐานะ “นำ”
๑ ดูที่ลักษณะ”การจัดตั้ง”
๑ ดูที่การชูประเด็นในทาง “ความคิด”
ถามว่าปรากฏการณ์ “จุดเทียน” จาก FLASH MOB ซึ่งแพร่ลามยิ่งกว่า ประกายไฟน้อยๆ ไหม้ลามทุ่ง อยู่ในขณะนี้อะไรคือ ความคิดนำในการต่อสู้
ตอบได้เลยว่า เป็น “ประชาธิปไตย”
ตอบได้เลยว่า การชูความคิดนี้วางอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เชื่อมั่นว่า ระบอบคสช.อันมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำไม่สามารถก่อให้เกิดขึ้นได้
เพราะระบอบคสช. เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผด็จการ
หากเริ่มต้นจากการติดตาม FLASH MOB ณ ลานปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กระทั่ง ณ ลานพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อาจ ดำรงอยู่ในฐานะ “นำ” แล้วในทางเป็นจริง
พลันที่เอ่ยชื่อ “ประยุทธ์” ที่ตามมาคือ “ออกไป ออกไป”
เหมือนกับความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นหลังจากมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคนใหม่ออกมาเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์
เพียง ๗ วันความไม่พอใจก็แผ่กว้างในขอบเขตทั่วประเทศ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ เข้าตาและสร้างความชอบธรรมให้เกิดความรู้สึก
ความรู้สึกที่ต้องการให้ “ออกไป” ความรู้สึกในทางขับไล่ ไสส่ง
เสียงตะโกนอันดังมาจากแทบทุกมหาวิทยาลัยในประเทศอาจเป็นเพียงเสียงของนิสิต เสียงของนักศึกษา
ยังมิได้เป็นเสียงของ”ประชาชน”อย่างแท้จริง
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่านับแต่การเคลื่อนไหวเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นต้นมา ปรากฏการณ์”จุดเทียน”เขียนความรู้สึกเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้น
เกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ แล้วเพียง ๑ สัปดาห์ประกายไฟดวงน้อยๆก็กลายเป็น”ไฟลามทุ่ง”
ไหม้โดยรอบกาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา